การตรวจสอบคุณภาพน้ำสระว่ายน้ำ ทำอย่างไรให้ปลอดภัย?

การดูแลรักษาคุณภาพน้ำสระว่ายน้ำเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้งานปลอดภัยจากเชื้อโรคและสารเคมีตกค้าง หากปล่อยให้น้ำในสระไม่ได้มาตรฐาน อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ตาแดง หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ ดังนั้น เจ้าของสระว่ายน้ำควรมีการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ

วิธีการตรวจสอบคุณภาพน้ำสระว่ายน้ำ

1. ตรวจสอบค่าคลอรีนในน้ำ

คลอรีนเป็นสารเคมีที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ค่าคลอรีนอิสระควรอยู่ระหว่าง 1.0 – 3.0 ppm หากค่าต่ำเกินไป อาจไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรคในน้ำ ส่งผลให้น้ำขุ่นและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ถ้าค่าสูงเกินไปอาจทำให้ระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตา และอาจทำลายอุปกรณ์ในสระว่ายน้ำได้การตรวจสอบค่าคลอรีนสามารถทำได้โดยใช้ชุดทดสอบน้ำ (Test Kit) หรือเครื่องวัดดิจิทัล ควรตรวจสอบเป็นประจำทุก 1-2 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำสะอาดอยู่เสมอ หากค่าคลอรีนต่ำ ควรเติมคลอรีนในปริมาณที่เหมาะสม และหากค่าสูง ควรลดปริมาณสารเคมีหรือลดการเติมคลอรีนในระบบกรองน้ำ

ตรวจสอบค่าคลอรีนในน้ำ
ตรวจสอบค่าคลอรีนในน้ำ

2. ตรวจวัดค่า pH ของน้ำ

ค่าที่เหมาะสมคือ 7.2 – 7.6 ค่านี้มีความสำคัญอย่างมากต่อประสิทธิภาพของคลอรีนและสุขภาพของผู้ใช้สระ หากค่า pH ต่ำเกินไป (ต่ำกว่า 7.2) อาจทำให้น้ำมีความเป็นกรดสูง ส่งผลให้เกิดการกัดกร่อนของอุปกรณ์ เช่น ปั๊มและท่อ รวมถึงอาจทำให้ผู้ว่ายน้ำรู้สึกระคายเคืองที่ผิวหนังและดวงตาในทางกลับกัน หากค่า pH สูงเกินไป (มากกว่า 7.6) น้ำจะมีความเป็นด่างสูง ซึ่งจะทำให้คลอรีนทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้การฆ่าเชื้อโรคลดลง และยังอาจส่งผลให้น้ำขุ่นหรือเกิดตะกรันในสระว่ายน้ำได้การตรวจสอบค่า pH ควรทำเป็นประจำทุก 1-2 วัน โดยใช้ชุดทดสอบน้ำหรือเครื่องวัดค่า pH ดิจิทัล หากค่าต่ำเกินไป ควรเติมสารเพิ่มค่า pH (เช่น โซเดียมคาร์บอเนต) และหากค่าสูงเกินไป ควรเติมสารลดค่า pH (เช่น กรดไฮโดรคลอริก หรือกรดซัลฟิวริก) เพื่อปรับสมดุลของน้ำให้เหมาะสม

ถังกรองสระว่ายน้ำ,อุปกรณ์สระว่ายน้ำ,ปั้มสระว่ายน้ำ,สระว่ายน้ำ,สร้างสระว่ายน้ำ, pH สระว่ายน้ำ
pH สระว่ายน้ำ

3. ตรวจสอบค่าความกระด้างของน้ำ (Calcium Hardness)

ควรอยู่ที่ 200 – 400 ppm หากค่าความกระด้างต่ำเกินไป อาจทำให้น้ำมีฤทธิ์กัดกร่อน ซึ่งสามารถทำลายกระเบื้องสระว่ายน้ำ อุปกรณ์โลหะ และพื้นผิวของสระได้ ในทางกลับกัน หากค่าความกระด้างสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการสะสมของคราบหินปูนบนผนังและพื้นสระ รวมถึงอุปกรณ์กรองน้ำ ซึ่งอาจทำให้ระบบกรองทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพและลดอายุการใช้งานของอุปกรณ์การตรวจสอบค่าความกระด้างควรทำอย่างน้อยเดือนละครั้ง หากค่าต่ำเกินไปสามารถเติมแคลเซียมคลอไรด์เพื่อเพิ่มค่าความกระด้าง และหากค่าสูงเกินไป ควรลดด้วยการเติมน้ำใหม่หรือใช้สารช่วยลดความกระด้างของน้ำเพื่อรักษาสมดุลของน้ำในสระให้เหมาะสม

4. ตรวจค่าความเป็นด่าง (Total Alkalinity)

ควรอยู่ที่ 80 – 120 ppm เพื่อช่วยรักษาค่า pH ให้คงที่ และช่วยให้คลอรีนทำงานมีประสิทธิภาพ หากค่าความเป็นด่างต่ำเกินไป อาจทำให้ค่า pH เปลี่ยนแปลงได้ง่าย ส่งผลให้คลอรีนเสื่อมประสิทธิภาพเร็วขึ้นและอาจทำให้น้ำกัดกร่อนพื้นผิวสระว่ายน้ำได้ ในทางกลับกัน หากค่าความเป็นด่างสูงเกินไป น้ำอาจขุ่นและทำให้สารเคมีอื่น ๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ การตรวจสอบค่าความเป็นด่างควรทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และสามารถปรับค่าได้โดยใช้สารเพิ่มหรือลดความเป็นด่างตามความเหมาะสม

5. ตรวจสอบสารปนเปื้อนอื่น ๆ

  • โลหะหนัก (เช่น เหล็ก ทองแดง, แมงกานีส และสังกะสี) อาจทำให้น้ำเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล สีเขียว หรือสีฟ้า และทำให้เกิดคราบบนพื้นผิวสระและอุปกรณ์ต่าง ๆ ควรใช้สารกรองโลหะหรือสารจับโลหะเพื่อกำจัดโลหะส่วนเกินออกจากน้ำ
  • ตะไคร่และแบคทีเรีย อาจทำให้น้ำเขียวและลื่น ส่งผลต่อสุขอนามัยของผู้ใช้สระ ควรใช้สารควบคุมตะไคร่และทำความสะอาดสระเป็นประจำ พร้อมทั้งเปิดระบบกรองน้ำให้ทำงานอย่างเหมาะสม
  • ของแข็งที่ละลายในน้ำรวม (TDS – Total Dissolved Solids) ไม่ควรเกิน 1,500 ppm เพราะอาจทำให้น้ำขุ่น มีรสชาติเปลี่ยนแปลง และลดประสิทธิภาพของสารเคมี ควรเปลี่ยนน้ำบางส่วนเป็นประจำเพื่อลดระดับ TDS

วิธีรักษาคุณภาพน้ำสระว่ายน้ำให้ปลอดภัย

1. ใช้สารเคมีในปริมาณที่เหมาะสม

การใช้คลอรีน สารปรับ pH และสารป้องกันตะไคร่ควรเป็นไปตามคำแนะนำ เพื่อให้สระว่ายน้ำปลอดภัยและสะอาดอยู่เสมอ

2. เปิดระบบกรองน้ำอย่างสม่ำเสมอ

ควรเปิดระบบกรองน้ำวันละ 6-8 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นตามขนาดของสระ เพื่อให้ระบบไหลเวียนน้ำทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

3. ทำความสะอาดสระเป็นประจำ

  • ดูดตะกอน ด้วยเครื่องดูดตะกอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรก
  • แปรงขัดพื้นและผนังสระ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดคราบตะไคร่และสิ่งสกปรก
  • เก็บเศษขยะในน้ำ โดยใช้ตะแกรงดักสิ่งสกปรกทุกวัน เพื่อป้องกันการอุดตันของระบบกรอง

4. ตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอ

ควรตรวจสอบคุณภาพน้ำทุก 1-2 วัน โดยใช้ชุดทดสอบน้ำ หรือใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำในสระปลอดภัยสำหรับการใช้งาน

5. เติมน้ำใหม่เมื่อจำเป็น

การเติมน้ำใหม่ช่วยลดสารตกค้างที่สะสมอยู่ในน้ำ ควรเติมน้ำใหม่บางส่วนเป็นประจำเพื่อให้สระคงความสะอาด

สรุป

การตรวจสอบคุณภาพน้ำสระว่ายน้ำเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำสะอาดและปลอดภัย ควรตรวจสอบค่าคลอรีน pH ความกระด้าง ความเป็นด่าง และสารปนเปื้อนอื่น ๆ อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ การดูแลรักษาสระโดยการใช้สารเคมีที่เหมาะสม ระบบกรองน้ำ และการทำความสะอาดอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้สระว่ายน้ำอยู่ในสภาพที่ดีและปลอดภัยสำหรับทุกคนหากต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลสระว่ายน้ำที่มีคุณภาพหรือบริการตรวจสอบคุณภาพน้ำ สามารถติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมได้!

 

  • น้ำยาทำให้น้ำใสและป้องกันตะไคร่เขียว POOL ADVANCE


    Quick View

  • น้ำยาป้องกัน แก้ไขปัญหาคราบสนิมตะกรัน STAINTRINE


    Quick View

  • น้ำยาป้องกันตะไคร่เขียว SWIM ADVANCE


    Quick View

  • น้ำยาป้องกันน้ำขุ่น Cleartrine


    Quick View

  • สารกรองสระว่ายน้ำ EcoClear ขนาด 25 Kg


    Quick View

  • สารกรองสระว่ายน้ำ Zelbrite ขนาด 15 kg


    Quick View

  • สารลดค่า pH สำหรับสระว่ายน้ำ ขนาด 5 กิโลกรัม


    Quick View

  • สารเพิ่มค่า pH Plus สำหรับสระว่ายน้ำขนาด 4 กิโลกรัม


    Quick View

 

ติดต่อสอบถามขอมูลเพิ่มเติมทางไลน์เลือกซื้อสินค้า

หากสนใจสั่งซื้อ อุปกรณ์สระว่ายน้ำ สามารถติดต่อ เวิลด์พูลส์ ดีเวลล็อปเมนท์ ผู้นําด้านการจําหน่าย อุปกรณ์สระว่ายน้ำทุกยี่ห้อ Emaux , Astral Pool, Hayward , Raion , Jacuzzi , Kripsol , Pool & Spa , Dolphin ด้วยความหลากหลาย Brand ของสินค้าและแต่ละประเภทของสินค้า ถังกรองสระว่ายน้ำ ปั๊มสระว่ายน้ำ เครื่องเกลือสระว่ายน้ำ ไฟใต้น้ำ Fitting อุปกรณ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เครื่องดูดตะกอนอัตโนมัติ และ เคมีสระว่ายน้ำ คลอรีน 90 % คลอรีน 70 % น้ำยากำจัดตะไคร่น้ำ Swimtrine Pooltrine  สารตกตะกอน ทำให้น้ำสระว่ายน้ำใส  สารพัดด้านเคมี เวิลด์พูลส์ ดีเวลล็อปเมนท์ พร้อมให้บริการและให้ปรึกษากับลูกค้าทุกท่าน

 

บริษัท เวิลด์พูลส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด