ค่าใช้จ่ายในการดูแลสระว่ายน้ำต่อเดือนทำไมต้องรู้ “ค่าใช้จ่ายดูแลสระว่ายน้ำ”?
หลายคนที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว สระในรีสอร์ท หรือสระโครงการ มักคิดว่าแค่เติมน้ำและดูดฝุ่นบ้างก็เพียงพอ แต่ความจริงแล้ว ค่าใช้จ่ายดูแลสระว่ายน้ำ มีมากกว่าที่คิด หากคุณไม่วางแผน อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเกินจำเป็นและทำให้คุณภาพน้ำไม่ปลอดภัย
ค่าไฟฟ้า (Electricity Cost)
ทำไมค่าไฟจึงเป็นต้นทุนหลัก?
สระว่ายน้ำทุกแห่งจำเป็นต้องมีระบบหมุนเวียนน้ำตลอดเวลาเพื่อให้ น้ำใส สะอาด ปราศจากเชื้อโรคและสิ่งสกปรก โดยเฉพาะ
ปั๊มน้ำ (Pool Pump) มีหน้าที่ดูดน้ำเข้าสู่ระบบกรอง (Filter) เพื่อดักจับเศษฝุ่น ตะกอน และสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็น ก่อนปล่อยน้ำกลับเข้าสู่สระ
หากไม่ได้เปิดปั๊มน้ำเป็นประจำ น้ำจะไม่หมุนเวียน ทำให้ เชื้อโรค แบคทีเรีย และตะไคร่ เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
เปิดปั๊มน้ำกี่ชั่วโมงต่อวัน?
โดยทั่วไป มาตรฐานสากลแนะนำให้เปิดปั๊มน้ำอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมง/วัน เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนน้ำอย่างครบถ้วนทุกมุมของสระ
-
สระกลางแจ้ง (Outdoor Pool) ที่โดนฝุ่น ใบไม้ และแสงแดดโดยตรง ควรเปิด 10-12 ชั่วโมง
-
สระในร่ม (Indoor Pool) ที่มีฝุ่นน้อย อุณหภูมิคงที่ อาจเปิดเพียง 6-8 ชั่วโมง
ปริมาณการใช้ไฟของเครื่องกรองทราย (Sand Filter)
เครื่องกรองทรายเป็นระบบกรองที่นิยมใช้มากที่สุด โดยมีปั๊มน้ำขนาด 0.75 – 1.5 แรงม้า (HP) หรือ 750 – 1500 วัตต์/ชั่วโมง
ตัวอย่างการคำนวณค่าไฟ
-
หากปั๊มใช้ไฟ 1,000 วัตต์ หรือ 1 kW
-
เปิดวันละ 10 ชั่วโมง = ใช้ไฟวันละ 10 kWh
-
ใน 1 เดือน (30 วัน) ใช้ไฟ 10 x 30 = 300 kWh
เมื่อคูณกับค่าไฟหน่วยละ 4 บาท
-
ค่าไฟ = 300 x 4 = 1,200 บาทต่อเดือน
ถ้าเป็นปั๊มขนาดใหญ่ 1.5 HP ที่กินไฟประมาณ 1.5 kW
-
เปิดวันละ 10 ชั่วโมง x 30 วัน = 450 kWh
-
ค่าไฟ = 450 x 4 = 1,800 บาทต่อเดือน
ค่าไฟขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?
-
ขนาดปั๊มน้ำ (Wattage)
ยิ่งแรงม้ามาก ยิ่งกินไฟสูง -
ระยะเวลาการเปิดใช้งาน (Running Time)
เปิดนานเกินความจำเป็นทำให้ค่าไฟสูงโดยไม่เพิ่มประสิทธิภาพมากนัก -
สภาพระบบกรอง (Filter Condition)
ถ้าตะกร้ากรองอุดตัน ปั๊มจะทำงานหนัก กินไฟเพิ่ม -
ประเภทของปั๊ม (Pump Type)
ปั๊มน้ำธรรมดาใช้ไฟมากกว่าปั๊มอินเวอร์เตอร์ (Inverter Pool Pump)
วิธีประหยัดค่าไฟ
1. เลือกใช้ปั๊มน้ำอินเวอร์เตอร์ (Inverter Pool Pump)
-
ปั๊มน้ำแบบอินเวอร์เตอร์ปรับรอบความเร็วได้ตามการใช้งานจริง
-
ประหยัดไฟ 30-50% เมื่อเทียบกับปั๊มธรรมดา
-
ลดเสียงรบกวนขณะทำงาน ยืดอายุการใช้งานของปั๊ม
2. ติดตั้ง Timer ตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ
-
เปิดปั๊มในช่วงเวลาที่มีค่าไฟ Off-Peak (เช่น หลัง 22.00 – 06.00 น. หากบ้านใช้มิเตอร์ TOU)
-
ไม่ต้องกังวลลืมเปิด-ปิด ช่วยประหยัดไฟและถนอมปั๊ม
3. ทำความสะอาดตะแกรงกรอง (Strainer Basket) และ Backwash ระบบกรองเป็นประจำ
-
ลดแรงดันการทำงานของปั๊ม
-
ปั๊มทำงานลื่นไหล ไม่ต้องเร่งรอบเพื่อดูดน้ำผ่านเศษตะกอนอุดตัน
4. ปรับระยะเวลาการเปิดให้เหมาะสมกับขนาดสระ
-
ถ้าสระเล็ก เปิดปั๊มน้ำ 8-10 ชั่วโมงก็เพียงพอ
-
หากตรวจสอบคุณภาพน้ำแล้วดี อาจลดระยะเวลาเปิดปั๊มลงวันละ 1-2 ชั่วโมง เพื่อลดค่าไฟ
5. ใช้ระบบกรองและปั๊มที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับขนาดสระ
-
ปั๊มใหญ่เกินไป ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพแต่ทำให้สิ้นเปลืองค่าไฟ
-
ปั๊มเล็กเกินไป น้ำจะหมุนเวียนไม่ทั่วถึง ทำให้น้ำเสีย ต้องถ่ายน้ำใหม่ สิ้นเปลืองยิ่งกว่า
สรุป
ค่าไฟฟ้าสำหรับสระว่ายน้ำ เฉลี่ย 1,200 – 1,800 บาทต่อเดือน เป็นค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถประหยัดได้มากกว่า 30% หากวางระบบอย่างถูกต้อง ใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ และตั้งเวลาใช้งานอย่างชาญฉลาด
ค่าคลอรีน (Chlorine Cost)
คลอรีนจำเป็นแค่ไหน?
คลอรีนถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดของ การดูแลสระว่ายน้ำ เพราะช่วยฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และตะไคร่น้ำต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งาน หากไม่มีคลอรีนเพียงพอ น้ำจะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นเขียว เกิดเมือกตะไคร่เกาะพื้นและผนังสระ ส่งกลิ่นเหม็นอับ และเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและผิวหนังของผู้ว่ายน้ำ
ปริมาณคลอรีนที่ต้องใช้
-
ขึ้นอยู่กับขนาดสระ โดยเฉลี่ยสระขนาดมาตรฐาน 4×8 เมตร ความลึกเฉลี่ย 1.2-1.5 เมตร จะมีปริมาตรน้ำประมาณ 40,000 – 50,000 ลิตร
-
ปริมาณคลอรีนที่แนะนำ: 1-3 กรัมต่อน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร เพื่อรักษาระดับ Free Chlorine ประมาณ 1.5-3.0 ppm
กรณีสระใช้งานหนัก (มีคนว่ายเกิน 10 คน/วัน) อาจต้องเติมเพิ่มอีก 20-30% เพื่อรักษาความสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทคลอรีนในท้องตลาด
-
คลอรีนผง 90% (Calcium Hypochlorite)
-
นิยมที่สุดในไทย ราคาถูก ใช้ง่าย
-
ราคาประมาณ 150-250 บาท/กก.
-
ข้อควรระวัง: ต้องละลายน้ำก่อนเทลงสระ ป้องกันสีพื้นซีเมนต์จาง
-
-
คลอรีนเม็ด (Stabilized Chlorine Tablets)
-
ละลายช้า เหมาะสำหรับตู้จ่ายอัตโนมัติ
-
ราคาสูงกว่าแบบผง 250-400 บาท/กก.
-
เหมาะกับผู้ไม่ค่อยมีเวลาเติมคลอรีนบ่อย ๆ
-
-
คลอรีนน้ำ (Sodium Hypochlorite)
-
ความเข้มข้นต่ำ 10-12% ต้องใช้ปริมาณมาก
-
เหมาะกับสระเกลือหรือสระระบบใหญ่ที่มีถังจ่ายอัตโนมัติ
-
ค่าใช้จ่ายคลอรีนต่อเดือน
-
หากใช้ คลอรีนผง 90%
-
ใช้ 1-2 กก./สัปดาห์ = 4-8 กก./เดือน
-
รวมค่าใช้จ่าย 600 – 1,000 บาท/เดือน
-
-
หากใช้ คลอรีนเม็ด (Tablets)
-
ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มเป็น 800 – 1,500 บาท/เดือน แต่สะดวกกว่า
-
-
หากใช้ คลอรีนน้ำ
-
ราคาถูกกว่า/ลิตร แต่ต้องใช้ปริมาณมาก จึงไม่ต่างจากแบบผงมากนัก
-
ปัจจัยที่ทำให้สิ้นเปลืองคลอรีนมากขึ้น
-
แดดแรงตลอดวัน
รังสี UV สลายคลอรีนได้ถึง 50% ภายในไม่กี่ชั่วโมง -
ฝนตกบ่อย
ทำให้เจือจางคลอรีนในน้ำ ต้องเติมเพิ่ม -
จำนวนผู้ใช้สระมาก
เหงื่อ ครีมกันแดด และสิ่งสกปรกจากร่างกายจะทำให้คลอรีนหมดประสิทธิภาพเร็ว -
การเติมน้ำใหม่เข้าในปริมาณมาก
เช่น กรณี Backwash บ่อย หรือเติมน้ำทดแทนการระเหยโดยไม่ตรวจสอบค่า Free Chlorine
วิธีประหยัดค่าคลอรีน
1. ใช้เครื่องผลิตคลอรีนจากเกลือ (Salt Chlorinator)
-
ติดตั้งระบบเกลือ (Salt Chlorinator) ลงทุนเริ่มต้น 20,000 – 50,000 บาท ขึ้นกับขนาดสระ
-
หลักการทำงาน: เติมเกลือสะอาด (Food Grade) ลงในน้ำ ความเข้มข้น 3,000-5,000 ppm เครื่องจะเปลี่ยนเกลือเป็นคลอรีนอย่างต่อเนื่อง
-
ข้อดี
-
ประหยัดคลอรีนผง 70-90% ต่อเดือน
-
น้ำอ่อนโยน ไม่ระคายเคืองตาและผิวเหมือนคลอรีนผง
-
ดูแลง่าย ระดับคลอรีนคงที่ตลอดเวลา
-
2. ปิดผ้าคลุมสระเมื่อไม่ได้ใช้งาน
-
ลดการระเหยของคลอรีนจากแสงแดดได้ถึง 60%
-
ลดฝุ่นใบไม้ตกลงสระ ซึ่งทำให้คลอรีนหมดเร็ว
3. เติมคลอรีนในตอนเย็น
-
การเติมคลอรีนช่วงหัวค่ำ หลังพระอาทิตย์ตก จะช่วยให้คลอรีนทำงานเต็มประสิทธิภาพก่อนโดนแสงแดดเผาผลาญในตอนเช้า
4. ตรวจสอบค่า pH เป็นประจำ
-
ค่า pH ที่เหมาะสมคือ 7.2-7.6 หาก pH สูงเกินไป คลอรีนจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ต้องใช้มากขึ้น
5. ใช้ Stabilizer (Cyanuric Acid)
-
หากเป็นสระกลางแจ้ง เติม Cyanuric Acid ให้ได้ 30-50 ppm จะช่วยยืดอายุคลอรีนในน้ำให้ทนแดดนานขึ้น
สรุป
ค่าใช้จ่ายคลอรีนสระว่ายน้ำถือเป็น หนึ่งในต้นทุนหลักของการดูแลสระ แต่สามารถจัดการให้ประหยัดลงได้มากกว่า 50% หากรู้วิธี เช่น การใช้เครื่องผลิตคลอรีนจากเกลือ การเติมคลอรีนในเวลาที่เหมาะสม และควบคุมค่า pH อย่างสม่ำเสมอ
การเลือกวิธีดูแลคลอรีนที่เหมาะสม จะช่วยให้สระของคุณ สะอาด ใส ปลอดภัย และคุ้มค่าต่อการลงทุนระยะยาว อีกทั้งยังสร้างความประทับใจให้ผู้ใช้สระ ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน รีสอร์ท หรือโครงการต่าง ๆ
ค่าเคมีปรับสภาพน้ำอื่น ๆ (Other Chemicals Cost)
การดูแลสระว่ายน้ำไม่ใช่แค่เติมคลอรีน แต่ต้องควบคุมสมดุลน้ำให้เหมาะสมอยู่เสมอ เพื่อให้คลอรีนทำงานเต็มประสิทธิภาพ และเพื่อความปลอดภัยของผู้อาบน้ำ โดยเคมีที่ต้องใช้ร่วมกับคลอรีน ได้แก่
1. โซดาแอช (Soda Ash)
-
ใช้เพิ่มค่า pH น้ำให้อยู่ในช่วง 7.2 – 7.6 ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสระว่ายน้ำ
-
หาก pH ต่ำเกินไป (<7.2) น้ำจะเป็นกรด กัดกร่อนพื้นกระเบื้อง ซีเมนต์ ปั๊ม และอุปกรณ์โลหะ อีกทั้งทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตาผู้ว่ายน้ำ
-
ปริมาณการใช้ขึ้นอยู่กับความเป็นกรด-ด่างของน้ำแต่ละครั้ง โดยทั่วไป ใส่ประมาณ 100-300 กรัมต่อครั้ง
2. กรดเกลือ (Hydrochloric Acid)
-
ใช้เพื่อลดค่า pH เมื่อน้ำมีความเป็นด่างสูง (>7.8)
-
หากค่า pH สูง คลอรีนจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ตะไคร่เกิดง่าย และน้ำจะขุ่นแม้คลอรีนจะเพียงพอ
-
ปริมาณที่ใช้โดยเฉลี่ย 0.5-1 ลิตรต่อครั้ง ขึ้นกับค่า pH เริ่มต้น
-
ราคาโดยประมาณ 25-4 0 บาทต่อลิตร
3. Algaecide (สารป้องกันตะไคร่น้ำ)
-
ใช้สำหรับ ป้องกัน ไม่ให้เกิดตะไคร่น้ำเกาะตามผนังและพื้นสระ โดยเฉพาะในฤดูฝนหรือสระที่โดนแดดจัด
-
Algaecide บางชนิดมีฤทธิ์ช่วยตกตะกอนฝุ่นละเอียดด้วย
-
ราคาประมาณ 350-500 บาทต่อแกลลอน (1-5 ลิตร)
-
ใช้ในอัตรา 50-100 มล. ต่อสัปดาห์ แล้วแต่ยี่ห้อและขนาดสระ
4. Flocculant (สารตกตะกอน)
-
ใช้เมื่อสระมีฝุ่นละเอียดที่เครื่องกรองจับไม่ได้ ทำให้น้ำขุ่นไม่ใส
-
วิธีใช้คือเท Flocculant ลงน้ำ กวนเล็กน้อย แล้วปิดปั๊มทิ้งไว้ให้ฝุ่นตกตะกอน จากนั้นดูดออกด้วย vacuum สระ
-
ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกสัปดาห์ มักใช้เมื่อสระขุ่นมาก เช่น หลังฝนตกหรือหลังงานปาร์ตี้
-
ราคาประมาณ 150-250 บาทต่อครั้ง
สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณของเคมีปรับสภาพน้ำต่อเดือน
ประเภทเคมี | ค่าใช้จ่ายต่อเดือน (บาท) |
---|---|
โซดาแอช | 100 – 200 |
กรดเกลือ | 100 – 150 |
Algaecide | 200 – 300 |
Flocculant | 100 – 150 |
รวม | 500 – 800 |
หมายเหตุ: ค่าใช้จ่ายดูแลสระว่ายน้ำส่วนนี้แปรผันตามสภาพน้ำฝน ปริมาณการใช้งาน และความถี่ในการตรวจวัดค่าพารามิเตอร์
วิธีประหยัดค่าเคมีปรับสภาพน้ำ
-
ตรวจสอบค่า pH และคลอรีนทุกสัปดาห์
การตรวจบ่อย ๆ จะช่วยให้รู้ความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ และใช้เคมีเฉพาะที่จำเป็น ไม่ต้องแก้ไขแบบฉุกเฉินที่ใช้เคมีมากขึ้น -
ทำความสะอาดไส้กรองและ Backwash อย่างสม่ำเสมอ
เมื่อระบบกรองสะอาด จะลดภาระของสารเคมีในการตกตะกอนและฆ่าเชื้อ -
เลือกใช้ Algaecide ที่มีคุณภาพสูง
แม้ราคาแพงกว่า แต่ใช้ปริมาณน้อยกว่ายี่ห้อทั่วไปในระยะยาว จึงคุ้มค่า -
ใช้ Pool Cover (ผ้าคลุมสระ)
ลดการเกิดตะไคร่เพราะตัดแสงแดด ลดการระเหยของคลอรีนและน้ำ จึงลดความถี่ในการเติมเคมี -
ใช้เครื่องผลิตคลอรีนจากเกลือ (Salt Chlorinator)
ระบบนี้จะสร้างคลอรีนเองตลอดเวลา ทำให้ค่า pH คงที่ ลดการใช้โซดาแอชและกรดเกลือ
ประโยชน์จากการจัดการค่าเคมีอย่างเหมาะสม
-
น้ำใส ปลอดภัยตลอดเวลา
-
อายุการใช้งานของปั๊มและอุปกรณ์ในสระยาวนานขึ้น
-
ลดค่าใช้จ่ายดูแลสระว่ายน้ำลงอย่างน้อย 10-20% ต่อเดือน
-
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองของผู้ว่ายน้ำ
ค่าดูแลรักษาและแรงงาน (Maintenance & Labor Cost)
หากจ้างบริษัทดูแลสระว่ายน้ำ
ปัจจุบันมีบริษัทบริการดูแลสระว่ายน้ำแบบรายเดือนหรือรายครั้ง โดยราคาจะขึ้นอยู่กับ
-
ขนาดของสระ
-
สระบ้านเดี่ยวขนาด 3×6 เมตร มักอยู่ที่ 2,000 – 3,000 บาทต่อเดือน
-
สระใหญ่ เช่น รีสอร์ท หรือคอนโด 4×10 เมตรขึ้นไป จะอยู่ที่ 3,500 – 5,000 บาทต่อเดือน
-
-
ความถี่ในการเข้าดูแล
-
ส่วนใหญ่จะเข้าดูแล สัปดาห์ละ 1 ครั้ง (4 ครั้ง/เดือน)
-
บางโครงการที่มีการใช้งานหนัก เช่น ฟิตเนส รีสอร์ท อาจเข้าดูแล 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ค่าใช้จ่ายจึงสูงขึ้น
-
-
สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็กเกจ
-
ตรวจสอบคุณภาพน้ำ (ค่า pH, คลอรีน, Alkalinity)
-
เติมสารเคมีให้เหมาะสม
-
ทำความสะอาดสระ ดูดฝุ่นสระ ตักใบไม้
-
ตรวจสอบระบบกรอง ระบบปั๊มน้ำ และอุปกรณ์ไฟฟ้า
-
รายงานสถานะน้ำและอุปกรณ์แต่ละครั้ง
-
ข้อดีของการจ้างบริษัทดูแลสระ
ประหยัดเวลาเจ้าของบ้าน
ได้รับบริการจากผู้เชี่ยวชาญ
ลดความเสี่ยงน้ำเสีย เพราะมีการตรวจวัดอย่างต่อเนื่อง
บริษัทส่วนใหญ่มี ประกันความเสียหาย หากอุปกรณ์เสียหายจากการดูแล
ข้อจำกัด
ค่าใช้จ่ายสูงกว่าดูแลเอง 2-3 เท่า
บางพื้นที่ห่างไกลอาจไม่มีผู้ให้บริการ ต้องจ่ายค่าเดินทางเพิ่ม
คุณภาพงานแตกต่างกันไป ควรเลือกบริษัทที่มีรีวิวดี
👨🔬 หากดูแลเอง (DIY Pool Maintenance)
การดูแลสระเองเหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและเจ้าของบ้านมีเวลาในการตรวจเช็คอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
ค่าใช้จ่ายแรงงาน = 0 บาท เพราะทำเองทั้งหมด
ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ (ครั้งเดียว)
อุปกรณ์ | ราคาประมาณ (บาท) | ความถี่ในการซื้อ |
---|---|---|
ไม้ตักใบไม้ (Leaf Skimmer) | 300 – 600 | 1-2 ปี |
แปรงขัดผนังสระ | 400 – 700 | 1-2 ปี |
ชุดตรวจ pH และคลอรีน | 350 – 700 | ทุก 3-6 เดือน |
สายดูดฝุ่น + หัวดูดฝุ่น | 1,500 – 2,500 | 2-3 ปี |
ถังเคมีและถังผสม | 500 – 1,000 | 2-3 ปี |
รวมค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท (ครั้งเดียว) และมีค่าเคมีประจำเดือนตาม Breakdown ในหัวข้อก่อนหน้า
ข้อดีของการดูแลสระเอง
-
ประหยัดค่าแรงรายเดือน
-
เจ้าของบ้านเข้าใจระบบสระมากขึ้น จัดการปัญหาเบื้องต้นได้เอง
-
สามารถตรวจสอบความสะอาดและคุณภาพน้ำได้ตลอดเวลา
ข้อจำกัด
-
ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง/ครั้ง ในการดูดฝุ่นและเติมเคมี
-
หากวัดค่า pH หรือคลอรีนไม่ถูกต้อง อาจทำให้น้ำเสีย
-
ต้องจัดเก็บเคมีอย่างปลอดภัย ไม่ให้เด็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าถึง
เคล็ดลับสำหรับเจ้าของสระ
-
เริ่มต้นดูแลเองในช่วงแรก เพื่อเรียนรู้ระบบ ก่อนตัดสินใจจ้างบริษัทระยะยาว
-
หากไม่มีเวลา สามารถเลือก จ้างบริษัทเดือนเว้นเดือน สลับกับการดูแลเอง ช่วยประหยัด 30-50%
-
เรียนรู้การใช้ชุดตรวจ pH และคลอรีน เพื่อให้สามารถปรับเคมีได้อย่างมั่นใจ
-
หากสระเริ่มมีคราบตะไคร่หรือฝุ่นละเอียดเกาะพื้นบ่อย ๆ อาจต้อง Backwash หรือเปลี่ยนทรายกรอง
สรุปค่าใช้จ่ายส่วน Maintenance & Labor Cost
รูปแบบดูแล | ค่าใช้จ่ายรายเดือน | หมายเหตุ |
---|---|---|
จ้างบริษัทดูแลสระ | 2,000 – 5,000 บาท | รวมค่าแรงและเคมีแล้ว |
ดูแลเอง | 0 บาท (ไม่รวมเคมี) | ต้องซื้ออุปกรณ์ครั้งแรก 3,000-5,000 บาท |
ค่าใช้อุปกรณ์สิ้นเปลืองอื่นๆ (Miscellaneous Cost)
แม้ว่าอุปกรณ์สิ้นเปลืองในระบบสระว่ายน้ำจะไม่ใช่ค่าใช้จ่ายรายเดือนโดยตรง แต่การวางแผนเผื่อค่าใช้จ่ายเหล่านี้ใน Budget รายเดือน จะช่วยให้คุณไม่สะดุดเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนหรือซ่อมแซมจริง
ส้กรองและทรายกรอง
ทำไมต้องเปลี่ยน?
-
ไส้กรอง (Cartridge Filter) หรือ ทรายกรอง (Sand Filter) เป็นหัวใจของการกรองน้ำในสระ
-
เมื่อใช้งานนานเกินอายุการใช้งาน จะ กรองสิ่งสกปรกได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้น้ำขุ่นและใช้คลอรีนมากขึ้น
ระยะเวลาการเปลี่ยน
-
ไส้กรอง Cartridge: เปลี่ยนทุก 1-2 ปี
-
ทรายกรอง Sand Filter: เปลี่ยนทุก 2-3 ปี
ราคา
-
ไส้กรอง Cartridge: 1,200 – 3,000 บาท/ชิ้น ขึ้นกับยี่ห้อและขนาด
-
ทรายกรอง: ถุงละ 200-300 บาท สระทั่วไปใช้ 4-6 ถุง รวม 1,000 – 2,000 บาท
เฉลี่ยเป็นรายเดือน
-
ไส้กรอง: 100 – 200 บาท/เดือน
-
ทรายกรอง: 50 – 100 บาท/เดือน (เมื่อเฉลี่ยตามอายุการใช้งาน)
ไฟใต้น้ำ (Underwater Light)
บทบาทของไฟใต้น้ำ
-
เพิ่มความสวยงาม สร้างบรรยากาศตอนกลางคืน
-
ช่วยให้ว่ายน้ำตอนเย็นปลอดภัยมากขึ้น
ค่าใช้จ่าย
-
หากไฟใต้น้ำเสีย อาจต้องเปลี่ยนหลอดใหม่ ราคาประมาณ 800 – 1,500 บาทต่อดวง
-
หากเป็นระบบหลอดฮาโลเจนเก่า แนะนำเปลี่ยนเป็น LED เพื่อประหยัดไฟและอายุการใช้งานยาวนานกว่า
ค่าแรงติดตั้ง
-
ช่างทั่วไปคิดค่าติดตั้ง 500 – 800 บาทต่อครั้ง
-
หากซ่อมหลายจุด ควรเจรจาต่อรองราคาเหมารวม
ค่าใช้จ่ายรายเดือน (เฉลี่ย)
-
ไฟใต้น้ำไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อย แต่ควรเผื่อ budget เดือนละ 50 – 100 บาท ไว้สำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินนี้
อุปกรณ์สิ้นเปลืองอื่น ๆ ที่ควรเผื่อค่าใช้จ่าย
-
ไม้ตักใบไม้ (Leaf Skimmer)
-
ราคา: 300 – 600 บาท
-
อายุการใช้งาน: 1-2 ปี
-
เฉลี่ย: 15 – 30 บาท/เดือน
-
-
แปรงขัดผนัง (Pool Brush)
-
ราคา: 400 – 700 บาท
-
อายุการใช้งาน: 1-2 ปี
-
เฉลี่ย: 20 – 35 บาท/เดือน
-
-
ชุดตรวจค่า pH และคลอรีน
-
ชุด Test Kit น้ำยาแบบหยด ราคา 400 – 600 บาท ใช้ได้ 6 เดือน – 1 ปี
-
เฉลี่ย: 40 – 50 บาท/เดือน
-
💡 รวมค่าใช้อุปกรณ์สิ้นเปลืองอื่น ๆ (เฉลี่ย)
-
ประมาณ 150 – 250 บาท/เดือน
🔎 ตารางสรุปรวมค่าใช้จ่ายดูแลสระว่ายน้ำต่อเดือน (อัพเดทแบบละเอียด)
รายการ | ค่าใช้จ่าย (บาท/เดือน) | หมายเหตุเพิ่มเติม |
---|---|---|
ค่าไฟ | 1,200 – 1,800 | เปิดปั๊ม 6-12 ชม./วัน |
คลอรีน | 600 – 1,000 | ขึ้นกับปริมาตรและการใช้งาน |
เคมีอื่น ๆ | 500 – 800 | โซดาแอช, กรดเกลือ, Algaecide |
แรงงานดูแล (ถ้ามี) | 2,000 – 5,000 | บริการครบวงจร |
อุปกรณ์สิ้นเปลือง | 150 – 250 | ไส้กรอง, ไฟใต้น้ำ, อุปกรณ์พื้นฐาน |
รวม (ไม่รวมแรงงาน) | 2,450 – 3,850 | สำหรับเจ้าของที่ดูแลเอง |
รวม (จ้างบริษัทดูแล) | 4,450 – 7,850 | ค่าแรงงานรวมกับอุปกรณ์ |
วิธีประหยัดค่าใช้จ่ายดูแลสระว่ายน้ำระยะยาว (Expanded Version)
ติดตั้ง Salt Chlorinator (เครื่องผลิตคลอรีนจากเกลือ)
รายละเอียด:
เครื่อง Salt Chlorinator จะเปลี่ยนเกลือ (Sodium Chloride) ที่เติมในน้ำสระให้กลายเป็นคลอรีนผ่านกระบวนการ Electrolysis จึงไม่ต้องเติมคลอรีนผงหรือคลอรีนเม็ดบ่อย ๆ
ข้อดี:
-
ประหยัดค่าใช้จ่ายคลอรีน 70-80% ต่อเดือน
-
น้ำที่ได้จะ อ่อนโยนต่อผิวและดวงตา ไม่ระคายเคืองเหมือนคลอรีนผง
-
เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุใช้งาน
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น:
ลงทุน 20,000 – 40,000 บาท (ขึ้นกับแบรนด์และขนาดสระ)
ตัวอย่างจริง:
เจ้าของรีสอร์ทขนาด 5 ห้องพักในเชียงใหม่ ติดตั้ง Salt Chlorinator ขนาด 20g/hr ใช้เกลือปีละไม่เกิน 500 กก. (ราคาประมาณ 3,000-4,000 บาท) เมื่อเทียบกับก่อนติดตั้งที่ใช้คลอรีนผงเดือนละ 1,200-1,500 บาท ตกปีละ 14,400-18,000 บาท จึงคุ้มค่าในระยะเวลา คืนทุนภายใน 2 ปี
เปลี่ยนปั๊มน้ำเป็นระบบ Inverter
รายละเอียด:
ปั๊มน้ำระบบ Inverter จะปรับรอบมอเตอร์ตามความจำเป็นจริง ลดภาระไฟฟ้าและยืดอายุการใช้งานปั๊ม
ข้อดี:
-
ประหยัดไฟ 30-50% เมื่อเทียบกับปั๊มทั่วไป
-
เสียงเบากว่า เหมาะกับบ้านพักอาศัยหรือโครงการที่เน้นความเงียบสงบ
-
อายุการใช้งานยาวนานขึ้น 2-3 ปี
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น:
ประมาณ 25,000 – 60,000 บาท ตามขนาดแรงม้า (HP) และแบรนด์
ตัวอย่างจริง:
สระระบบน้ำวนขนาด 5×10 เมตร เปลี่ยนจากปั๊มธรรมดา 2 HP เป็นปั๊ม Inverter 2 HP ค่าไฟลดจากเดือนละ 1,600 บาทเหลือ 900-1,000 บาท ประหยัดต่อปี 7,200-8,400 บาท คืนทุนใน 3-4 ปี
ใช้ผ้าใบคลุมสระ (Pool Cover)
รายละเอียด:
Pool Cover มีทั้งแบบตาข่าย (Mesh Cover) และแบบ Solar Cover ที่ช่วยเก็บความร้อนในน้ำ
ข้อดี:
-
ลดการระเหยของน้ำได้ 70-80% ในฤดูร้อน
-
ลดการระเหยของคลอรีนเมื่อโดนแดดโดยตรง ช่วยประหยัดคลอรีนต่อเดือน
-
ป้องกันเศษใบไม้ ฝุ่น แมลง ทำให้ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อย
-
Solar Cover ยังช่วย เพิ่มอุณหภูมิน้ำ 3-5°C ลดค่าไฟเครื่องทำความร้อน (Heater)
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น:
5,000 – 30,000 บาท ตามวัสดุและขนาดสระ
ตัวอย่างจริง:
บ้านพัก Pool Villa ในหัวหินที่ใช้ Solar Cover ขนาด 4×8 ม. ค่าไฟเครื่อง Heater ลดลงจากเดือนละ 3,500 เหลือ 1,800 บาท ในฤดูหนาว
ตรวจสอบค่าพารามิเตอร์น้ำอย่างสม่ำเสมอ
รายละเอียด:
ค่าที่ควรตรวจเป็นประจำ ได้แก่ pH, Chlorine, Alkalinity, Calcium Hardness และ Stabilizer (CYA) เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำไม่ให้เสีย
ข้อดี:
-
หากน้ำเสียจนต้อง ถ่ายน้ำทิ้ง เติมใหม่ จะสิ้นเปลือง ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเคมี
-
การปรับสมดุลน้ำบ่อย ๆ ช่วยยืดอายุอุปกรณ์ เช่น ปั๊ม เครื่องกรอง Heater และ Salt Cell
ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ตรวจ:
-
ชุดตรวจ Test Kit เริ่มต้น 500 – 1,500 บาท ใช้ได้ 6-12 เดือน
-
เครื่องวัด Digital Photometer เริ่มต้น 5,000 – 15,000 บาท แม่นยำและใช้ยาว
ตัวอย่างจริง:
โรงเรียนสอนว่ายน้ำในกรุงเทพ ตรวจค่า pH และคลอรีนวันละ 2 ครั้ง ลดปัญหาน้ำเสียจนต้องถ่ายทิ้งได้เกือบ 100% ตลอด 2 ปี
เรียนรู้การดูแลสระเบื้องต้นด้วยตัวเอง
รายละเอียด:
แม้คุณจะจ้างบริษัทดูแล แต่การมีความรู้พื้นฐานช่วยให้คุณตรวจสอบคุณภาพงานได้ พร้อมลดค่าแรงหากต้องทำเองบางครั้ง
ข้อดี:
-
ลดค่าใช้จ่ายดูแลรายเดือน 30-40% หากทำเอง
-
มั่นใจได้ว่าสระปลอดภัยสำหรับครอบครัวและลูกค้า
-
สามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้น เช่น น้ำขุ่น น้ำเขียว โดยไม่ต้องรอช่าง
ช่องทางเรียนรู้:
-
คอร์สออนไลน์ดูแลสระว่ายน้ำ
-
Youtube จากผู้เชี่ยวชาญระบบสระ
-
เอกสารคู่มือจากผู้ผลิตอุปกรณ์
ตัวอย่างจริง:
เจ้าของ Pool Villa ในพัทยาที่เรียนรู้การดูแลสระด้วยตนเอง สามารถลดค่าจ้างดูแลจากเดือนละ 3,500 เหลือเฉพาะค่าเคมีและค่าไฟรวมเดือนละ 1,800 – 2,200 บาท
บทสรุปเคล็ดลับประหยัดค่าใช้จ่ายดูแลสระ
หากคุณต้องการ ประหยัดค่าใช้จ่ายดูแลสระว่ายน้ำในระยะยาว ควรพิจารณาแนวทางเหล่านี้ควบคู่กัน โดยจัดลำดับความสำคัญตามงบประมาณและความถี่ในการใช้สระ จะช่วยให้คุณประหยัดได้ หลักพันถึงหลักหมื่นบาทต่อปี พร้อมทั้งทำให้สระปลอดภัย สะอาด และน่าใช้งานตลอดเวลา
สรุป
ค่าใช้จ่ายดูแลสระว่ายน้ำต่อเดือน จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดสระ การใช้งาน และวิธีดูแล หากคุณจัดการอย่างมีระบบ ใช้เคมีและอุปกรณ์อย่างเหมาะสม จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้หลายพันบาทต่อเดือน
สำหรับเจ้าของสระที่ต้องการ บริการดูแลสระว่ายน้ำครบวงจร หรือปรึกษาเรื่องคลอรีน สารเคมี ปั๊มน้ำ ระบบ Salt Chlorinator สามารถทักสอบถามทีมงานเราได้ทันที เพื่อวางแผนดูแลสระให้ปลอดภัยและคุ้มค่าในระยะยาว
หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการสร้างสระว่ายน้ำที่มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ เราพร้อมให้คำแนะนำและบริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงการดูแลรักษาสระ เพื่อให้คุณได้สระว่ายน้ำที่สมบูรณ์แบบและใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!
บริษัท เวิลด์พูลส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
- 261/5 ถ.มหิดล ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
- 053-204 446-7
- 095-6815757
- Line id : @worldpools
- FaceBook Page : World Pools สร้างสระว่ายน้ำ เชียงใหม่ อุปกรณ์สระ สระว่ายน้ำ ซ่อมสระ ดูแลสระ
- worldpoolscnx@gmail.com