วิธีล้างปั้มสระว่ายน้ำด้วยตัวเอง แบบละเอียดทีละขั้นตอน


ทำไมต้องล้างปั้มสระว่ายน้ำอยู่เสมอ?

ปั้มสระว่ายน้ำทำหน้าที่หมุนเวียนน้ำและกรองสิ่งสกปรก หากปั้มสกปรกหรือตัน

  • ระบบกรองน้ำจะทำงานหนัก

  • น้ำในสระขุ่นง่าย มีกลิ่นคลอรีนแรง

  • อุปกรณ์เสียหายเร็วกว่ากำหนด

ดังนั้น การดูแลรักษาปั้มสระว่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและยืดอายุการใช้งานได้มาก


วิธีล้างปั้มสระว่ายน้ำด้วยตัวเอง ทีละขั้นตอน

1. วิธีล้างปั้มสระว่ายน้ำ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม

การเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนเริ่มงาน เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การล้างปั้มสระว่ายน้ำ เป็นไปอย่างปลอดภัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยอุปกรณ์ที่ควรจัดเตรียมมีดังนี้

ไขควงหรือประแจตามขนาดฝาปั้ม

  • ใช้สำหรับคลายน็อตหรือฝาปิดปั้ม

  • แนะนำให้เลือกไขควงหรือประแจที่ขนาดพอดีกับน็อตหรือฝา เพื่อป้องกันหัวน็อตบาดหรือเสียหาย

  • หากฝาปั้มเป็นฝาเกลียว ควรตรวจสอบว่าเกลียวไม่แตกหรือฝืดเกินไป หากฝืดมากให้เตรียม ผ้าชุบน้ำหมาด ไว้จับเพิ่มแรงเสียดทาน


ถังน้ำสะอาด

  • ใช้สำหรับล้างตะกร้ากรองและอุปกรณ์ต่างๆ

  • ถังน้ำควรสะอาด ปราศจากน้ำมันหรือสารเคมีอื่นปนเปื้อน เพื่อไม่ให้ย้อนกลับไปปนเปื้อนในปั้ม


แปรงขนนุ่ม

  • ใช้ขัดทำความสะอาดตะกร้ากรอง

  • ควรเลือกแปรงที่ขนอ่อนนุ่มพอ ไม่แข็งจนขูดพลาสติกตะกร้าเสียหาย

  • หากมีซอกเล็ก แนะนำให้ใช้แปรงสีฟันเก่าช่วยขัดตามมุม


ถุงมือยาง

  • สวมถุงมือทุกครั้งก่อนเริ่มงาน

  • เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก สารเคมีตกค้าง หรือเศษมีคมบาดมือ

  • เลือกถุงมือยางที่พอดีกับขนาดมือ เพื่อการจับอุปกรณ์ได้มั่นคง


ถังหรือกะละมังสำหรับล้างตะกร้ากรอง

  • ใช้รองน้ำและรองเศษสิ่งสกปรกที่ล้างออกมา

  • ช่วยป้องกันไม่ให้เศษสกปรกกระจายเลอะพื้น

  • เมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว สามารถเทเศษลงถุงขยะได้อย่างเป็นระเบียบ


ปิดระบบไฟและตัดเบรกเกอร์

การปิดระบบไฟก่อนเริ่มทำความสะอาดปั้มสระว่ายน้ำถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดที่ไม่ควรมองข้าม เพราะปั้มสระว่ายน้ำเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกับน้ำตลอดเวลา หากไม่ปิดระบบไฟ อาจเกิดอันตรายร้ายแรง เช่น ไฟดูดหรือไฟฟ้าลัดวงจรได้

ขั้นตอนปฏิบัติ

  1. เดินไปที่ตู้ควบคุมไฟฟ้า (Control Panel)
    ตรวจสอบตำแหน่งเบรกเกอร์ของปั้มสระว่ายน้ำ โดยปกติจะมีสติกเกอร์กำกับว่า “Pool Pump” หรือ “ปั้มสระว่ายน้ำ”

  2. ปิดสวิตช์เบรกเกอร์ลง
    กดสวิตช์ลงจนสุดเพื่อให้มั่นใจว่าไฟฟ้าถูกตัดเรียบร้อยแล้ว

  3. ยืนยันความปลอดภัยอีกครั้ง
    กลับมาที่ปั้ม ลองกดปุ่มเปิดเพื่อดูว่าปั้มยังทำงานอยู่หรือไม่ หากไม่ทำงาน แสดงว่าปลอดภัยแล้ว

  4. ถอดปลั๊กออก (ถ้ามี)
    หากปั้มเชื่อมต่อกับปลั๊กไฟ ควรถอดปลั๊กออกด้วย เพื่อความมั่นใจ 100% ว่าจะไม่มีไฟเลี้ยงเข้าสู่ระบบ

ข้อควรระวังเพิ่มเติม

  • ห้ามล้างปั้มในขณะที่ระบบไฟยังเปิดอยู่เด็ดขาด แม้จะคิดว่า “แค่ถอดฝาออกนิดเดียว” ก็ไม่ควรเสี่ยง

  • สำหรับสระว่ายน้ำในโรงแรมหรือรีสอร์ท ควรมีป้ายแจ้งเตือนว่า “กำลังซ่อมบำรุงห้ามเปิดใช้งาน” ติดไว้บริเวณตู้ควบคุมไฟ เพื่อป้องกันผู้อื่นมาเปิดระบบโดยไม่ตั้งใจ

การปฏิบัติตามขั้นตอนนี้ทุกครั้ง จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรง และเพิ่มความมั่นใจในการล้างปั้มสระว่ายน้ำด้วยตัวเองอย่างปลอดภัย 100%


เปิดฝาปั้มสระว่ายน้ำ

หลังจากปิดระบบไฟและตัดเบรกเกอร์เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเปิดฝาปั้มเพื่อดึงตะกร้ากรองออกมาล้าง โดยมีวิธีทำดังนี้

คลายน็อตหรือฝาล็อคด้านบนปั้ม

  • ปั้มสระว่ายน้ำแต่ละรุ่นจะมีรูปแบบฝาปิดต่างกัน บางรุ่นเป็น ฝาเกลียวพลาสติกใส หมุนด้วยมือได้เลย แต่บางรุ่นจะมี น็อตล็อค 2-4 ตัว รอบฝา

  • หากเป็นแบบน็อต ใช้ประแจหรือไขควงหมุนคลายทีละตัว จนหลวมทั้งหมดก่อนจึงค่อยยกฝาขึ้น

  • แนะนำให้จัดวางน็อตหรือฝาล็อคที่ถอดออกมาในถาดหรือถังเล็กๆ เพื่อป้องกันการสูญหายระหว่างทำความสะอาด

ค่อยๆ เปิดฝาปั้ม

  • เมื่อคลายน็อตหรือหมุนฝาเกลียวจนหลวมแล้ว ให้จับฝา ดึงขึ้นอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะหากมีแรงดูดจากน้ำในระบบ ให้ขยับฝาไปมาเล็กน้อยเพื่อไล่แรงดัน

  • ระวังอย่าให้ฝาหล่นกระแทกพื้น เพราะฝาปั้มส่วนใหญ่ทำจากพลาสติกใส (Acrylic หรือ Polycarbonate) หากแตกจะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชิ้น

ระวังปะเก็นยาง (O-Ring) ไม่ให้เสียหาย

  • รอบฝาปั้มจะมี ปะเก็นยาง (O-Ring) สำหรับกันรั่วซึม

  • อย่าใช้ไขควงงัดออกแรงเกินไปจนไปโดนปะเก็น เพราะหากปะเก็นยางขาดหรือเสียรูป จะทำให้ฝาปั้มปิดไม่สนิท เกิดน้ำรั่วเมื่อเปิดใช้งาน

  • หลังถอดฝาแล้ว ตรวจสอบ O-Ring ทันที ว่ายังอยู่ในร่องเดิมหรือหลุดออกมา

หากฝาติดแน่นเกินไป

  • หากหมุนฝาไม่ออก หรือฝาติดแน่นเพราะแรงดูดในระบบหรือคราบตะกรัน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดพันรอบฝาแล้วค่อยๆ หมุน จะช่วยลดแรงเสียดสี

  • หลีกเลี่ยงการใช้ ค้อนเคาะหรือของแข็งงัด เพราะจะทำให้ฝาแตกหรือคอปั้มเสียหาย

  • ในกรณีที่ฝาติดมากจริงๆ แนะนำให้เปิดวาล์วไล่น้ำหรือวาล์วระบายแรงดัน (หากรุ่นปั้มมี) เพื่อลดแรงดันภายในก่อนถอด


นำตะกร้ากรอง (Strainer Basket) ออกมา

ตรวจสอบตำแหน่งตะกร้ากรองก่อนถอดออก

เมื่อเปิดฝาปั้มแล้ว จะเห็น ตะกร้ากรองหรือ Strainer Basket วางอยู่ในช่องกรองของปั้ม
ตรวจสอบทิศทางการวางของตะกร้ากรอง ว่า:

  • ด้านบน-ล่างอยู่ถูกต้อง

  • ไม่มีเศษขยะขนาดใหญ่ปิดทางน้ำเข้า


ถอดตะกร้ากรองอย่างระมัดระวัง

  • จับหูหิ้วหรือขอบตะกร้าให้มั่น

  • ยกขึ้นในแนวตรง ไม่เอนซ้ายขวาแรงเกินไป

  • หากตะกร้าติดแน่น เพราะมีเศษใบไม้หรือเมือกจับ ให้ขยับเบาๆ ซ้าย-ขวา เพื่อคลายแรงฝืด ก่อนยกขึ้น


ตรวจสอบความสมบูรณ์ของตะกร้ากรอง

ก่อนเทเศษออก ให้ตรวจสอบว่า:

  • ไม่มีรอยร้าว แตก หรือรูใหญ่ผิดปกติ

  • หากพบรอยแตก ควรเปลี่ยนทันที เพราะจะทำให้เศษขยะไหลเข้าปั้มและใบพัดปั้มเสียหาย


เทเศษใบไม้ เศษผม หรือสิ่งสกปรกออกให้หมด

  • คว่ำตะกร้ากรองลงในถังขยะหรือถุงดำ

  • ใช้นิ้วมือหรือแปรงขนนุ่มดึงเศษติดแน่นตามซอกตะกร้าออก

  • หากมีคราบเมือกเกาะแน่น แช่ในน้ำผสมคลอรีนอ่อนหรือกรดมะนาว 5-10 นาที แล้วขัดออกก่อนล้างน้ำเปล่า


ตรวจสอบรูตะกร้าหลังทำความสะอาด

หลังเทเศษออก ควรยกตะกร้าส่องกับแสง

  • ดูว่าทุกช่องรูโปร่ง ไม่อุดตัน

  • หากรูเล็กตัน ให้ใช้ไม้จิ้มฟันหรือแปรงเล็กๆ จิ้มเปิดออก


ประโยชน์ของการทำความสะอาดตะกร้ากรองอย่างละเอียด

  • ลดการทำงานหนักของปั้ม

  • เพิ่มแรงดันน้ำและอัตราการหมุนเวียนน้ำในสระ

  • ยืดอายุการใช้งานของปั้มและระบบกรอง


ล้างตะกร้ากรองให้สะอาด

เมื่อถอดตะกร้ากรองออกมาแล้ว ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการทำความสะอาดปั้มสระว่ายน้ำ เพราะตะกร้ากรองเป็นด่านแรกที่กรองสิ่งสกปรกทุกอย่างก่อนเข้าระบบปั้ม หากมีเศษติดค้างมากจะทำให้แรงดูดลดลง และปั้มทำงานหนักโดยไม่จำเป็น

ขั้นตอนการล้างอย่างละเอียด

  1. เทสิ่งสกปรกออกให้หมด

    • คว่ำตะกร้ากรองลงบนถังหรือถุงขยะ

    • ใช้มือหรือไม้ปลายเรียบเขี่ยเศษใบไม้ เศษผม หรือเศษพลาสติกที่พันติดอยู่ออกอย่างระมัดระวัง

  2. ฉีดล้างด้วยสายยางแรงพอประมาณ

    • เปิดน้ำแรงปานกลาง ฉีดจากด้านนอกเข้าด้านใน เพื่อดันสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ให้หลุดออกมา

    • หมุนตะกร้าไปเรื่อยๆ เพื่อฉีดล้างทุกมุม

    • หลีกเลี่ยงการใช้หัวฉีดแรงดันสูงเกินไป เพราะอาจทำให้เนื้อพลาสติกตะกร้าแตกหรือเปราะได้

  3. ใช้แปรงขนนุ่มขัดทำความสะอาด

    • หากพบคราบตะไคร่ คราบเมือก หรือสิ่งสกปรกที่เกาะแน่น

    • ใช้แปรงขนนุ่มหรือแปรงสีฟันเก่าขัดเบาๆ ตามซอกตะกร้า

    • หลีกเลี่ยงการใช้แปรงขนแข็งหรือแปรงลวด เพราะจะทำให้พลาสติกเป็นรอยและแตกในระยะยาว

  4. ตรวจสอบทุกซอกทุกมุม

    • ตรวจดูรอยแตกหรือรอยร้าวของตะกร้ากรอง หากพบว่ามีรอยแตกแม้เพียงเล็กน้อย ควร เปลี่ยนใหม่ทันที เพราะหากปล่อยไว้ เศษตะกร้าอาจหลุดไปอุดตันในระบบปั้มและทำให้เกิดความเสียหายใหญ่ตามมา

  5. ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง

    • หลังขัดเสร็จ ให้ฉีดล้างด้วยน้ำสะอาดเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีฟองน้ำยาหรือคราบสกปรกหลงเหลือ

  6. ผึ่งให้แห้งหรือสะบัดน้ำออก

    • ก่อนนำกลับไปประกอบ ให้สะบัดน้ำออกหรือผึ่งลมไว้สักครู่ เพื่อลดความชื้นสะสมในระบบ


ตรวจเช็คภายในปั้ม

หลังจากนำตะกร้ากรองออกแล้ว ควรตรวจสอบภายในปั้มอย่างละเอียด โดยมีขั้นตอนดังนี้

ตรวจสอบด้วยแสงไฟหรือไฟฉาย

  • ส่องไฟเข้าไปภายในห้องปั้ม เพื่อดูว่ามีเศษสิ่งสกปรกติดค้างอยู่หรือไม่ เช่น ใบไม้ขนาดเล็ก เศษผม หรือเมือกจากตะไคร่น้ำ

  • สังเกตพื้นและผนังด้านในของห้องปั้ม ว่ามีคราบตะไคร่ หรือสิ่งแปลกปลอมเกาะอยู่หรือไม่

ทำความสะอาดสิ่งสกปรก

  • หากพบเศษทรายหรือดินตกค้างอยู่ในห้องปั้ม ให้ใช้น้ำสะอาดฉีดล้างออกอย่างเบามือ

  • ในกรณีที่มีคราบเมือกหรือตะไคร่น้ำ สามารถใช้แปรงขนนุ่ม ขัดทำความสะอาดเบาๆ เพื่อไม่ให้พื้นผิวด้านในเป็นรอย

  • หลีกเลี่ยงการใช้แปรงลวด หรือวัสดุแข็งในการขัด เพราะจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนที่ผิวปั้ม

ตรวจสอบใบพัด (Impeller)

  • หากมองเห็นใบพัด (Impeller) ควรตรวจสอบว่ามีเศษสิ่งสกปรกติดพันอยู่หรือไม่

  • เศษใบไม้หรือเศษผมที่เข้าไปพันใบพัด จะทำให้แรงดูดลดลงและปั้มทำงานหนัก

  • หากพบเศษติดพัน ควรใช้คีมปากยาวหรือมือที่ใส่ถุงมือดึงออกมาอย่างระมัดระวัง

ตรวจสอบสภาพทั่วไป

  • สังเกตสภาพพื้นผิวภายในว่ามีรอยแตก ร้าว หรือร่องรอยการกัดกร่อนหรือไม่

  • หากพบความเสียหาย ควรแจ้งช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจเช็คเพิ่มเติม


ประกอบกลับเข้าที่เดิม

ใส่ตะกร้ากรองกลับตำแหน่งเดิม

หลังจากทำความสะอาดตะกร้ากรองเรียบร้อย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีเศษสิ่งสกปรกติดค้างอยู่ในตะกร้าและภายในช่องปั้ม นำตะกร้ากรองใส่กลับเข้าไปในตำแหน่งเดิม โดยต้องวางให้แนบสนิท ไม่เอียงหรือกลับด้าน เพื่อให้การไหลเวียนน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


เช็ดปะเก็นยางให้สะอาด

ใช้ผ้าแห้งหรือผ้าสะอาดเช็ดปะเก็นยาง (O-ring) บริเวณฝาปั้มให้แห้งสนิท ไม่มีทราย ฝุ่น หรือคราบเคมีติดอยู่ เพราะสิ่งสกปรกเล็กๆ เหล่านี้อาจทำให้ปะเก็นเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หรือเกิดการรั่วซึมเมื่อเปิดใช้งาน


ทาด้วยซิลิโคนจารบี (Silicone Lube)

หลังจากเช็ดปะเก็นยางสะอาดแล้ว ให้ทาด้วยซิลิโคนจารบีหรือสารหล่อลื่นที่เหมาะสมสำหรับยางโอริงโดยเฉพาะ ทาเพียงบางๆ ให้ทั่วปะเก็น เพื่อช่วย

  • รักษาความยืดหยุ่นของยาง ไม่ให้แห้งกรอบหรือแตกง่าย

  • ป้องกันการเสียดสีเมื่อต้องเปิด-ปิดฝาปั้มบ่อยๆ

  • ยืดอายุการใช้งานของปะเก็นยางได้นานขึ้น

ข้อควรระวัง: อย่าใช้ปิโตรเลียมหรือวาสลีน เพราะจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว


ปิดฝาปั้มให้แน่น

เมื่อวางตะกร้ากรองและทาจารบีเรียบร้อยแล้ว

  1. ตรวจสอบว่าปะเก็นยางวางเรียบ ไม่บิดหรือเบี้ยว

  2. นำฝาปั้มวางปิดในตำแหน่งเดิมอย่างระมัดระวัง

  3. หมุนหรือขันน็อตยึดฝาปั้มให้แน่นด้วยมือก่อน

  4. ใช้ไขควงหรือประแจขันเพิ่มเล็กน้อย แต่ อย่าขันแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้เกลียวฝาเสียหาย หรือฝาแตกได้

หลังจากปิดฝาแล้ว ให้ตรวจสอบรอบฝาปั้มอีกครั้งว่าปิดสนิท ไม่มีช่องว่าง เพื่อป้องกันการรั่วซึมเมื่อต่อระบบหมุนเวียนน้ำ

เปิดระบบทดสอบ

หลังจากที่คุณทำความสะอาดตะกร้ากรองและประกอบฝาปั้มเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการทดสอบระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าปั้มสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่มีปัญหาการรั่วซึม หรืออากาศเข้าในระบบ ซึ่งอาจทำให้การหมุนเวียนน้ำไม่สมบูรณ์

ขั้นตอนการเปิดระบบทดสอบอย่างละเอียด

  1. ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนเปิดไฟ

    • ตรวจดูอีกครั้งว่าฝาปั้มปิดสนิท ปะเก็นยางจัดวางถูกตำแหน่ง

    • ไม่มีอุปกรณ์หรือเครื่องมือใดๆ วางบนปั้มหรือใกล้ท่อดูด-ท่อจ่าย

  2. เปิดเบรกเกอร์

    • เปิดเบรกเกอร์ที่จ่ายไฟให้กับปั้มสระว่ายน้ำ

    • ฟังเสียงว่ามีเสียงผิดปกติจากตู้ควบคุมหรือไม่

  3. เปิดปั้ม

    • กดหรือหมุนสวิตช์ปั้มเพื่อเริ่มการทำงาน

    • สังเกตไฟแสดงสถานะที่หน้าปั้มหรือบนตู้ควบคุมว่าอยู่ในสถานะทำงาน (RUN) ตามปกติ

  4. ตรวจสอบการไหลเวียนของน้ำในสระ

    • ดูที่ผิวน้ำบริเวณ Inlet หรือ Return Jet ว่าน้ำไหลแรง สม่ำเสมอหรือไม่

    • ตรวจสอบ skimmer box ว่ามีน้ำไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง

  5. ตรวจสอบการรั่วซึม

    • สังเกตรอบฝาปั้มว่ามีหยดน้ำซึมออกมาหรือไม่

    • หากพบว่ามีการรั่วซึม ให้ปิดปั้มอีกครั้ง เปิดฝาตรวจสอบความสะอาดของปะเก็นยาง และประกอบใหม่ให้แน่น

  6. สังเกตเสียงการทำงาน

    • เสียงของปั้มควรเดินเรียบ ไม่ดังผิดปกติ เช่น เสียงหอน หรือเสียงโลหะเสียดสีกัน

    • หากได้ยินเสียงดังผิดปกติ ควรตรวจสอบ bearing motor หรือถอดตรวจภายในหากจำเป็น

  7. ตรวจสอบแรงดัน (ถ้ามี Pressure Gauge)

    • สำหรับปั้มที่มีเกจวัดแรงดัน ให้ดูค่าแรงดันว่าปกติในช่วงที่กำหนดหรือไม่

    • หากแรงดันสูงหรือต่ำกว่าปกติ อาจบ่งบอกถึงตะกร้ากรองหรือไส้กรองระบบกรองหลักอุดตัน

 


ควรล้างปั้มสระว่ายน้ำบ่อยแค่ไหน?

การล้างปั้มสระว่ายน้ำควรทำตามความถี่ดังนี้ เพื่อรักษาประสิทธิภาพและคุณภาพน้ำให้ใสสะอาดอยู่เสมอ

ทุกสัปดาห์

วิธีล้างปั้มสระว่ายน้ำให้เหมาะสำหรับสระว่ายน้ำที่

  • มีผู้ใช้งานจำนวนมากทุกวัน เช่น สระส่วนกลางของหมู่บ้าน คอนโด ฟิตเนส โรงเรียนสอนว่ายน้ำ

  • ตั้งอยู่กลางแจ้ง มีต้นไม้ใหญ่หรือพุ่มไม้รอบสระ ทำให้มีใบไม้ ฝุ่น และเศษดินปลิวลงสระง่าย

  • อยู่ในพื้นที่ที่มีฝนตกหรือฝุ่นเยอะ เช่น บริเวณใกล้ถนนใหญ่

การล้างปั้มสัปดาห์ละครั้งจะช่วยให้

  • ระบบหมุนเวียนน้ำสะอาด ไม่มีสิ่งอุดตัน

  • ปั้มทำงานเต็มประสิทธิภาพ ไม่เกิดความร้อนสะสม

  • ลดค่าใช้จ่ายการซ่อมปั้มในระยะยาว


วิธีล้างปั้มสระว่ายน้ำ ทุก 2 สัปดาห์

เหมาะสำหรับสระว่ายน้ำที่

  • อยู่ในร่ม เช่น สระในอาคาร สระโรงแรมที่มีหลังคาปิด

  • ใช้งานน้อย หรือใช้งานเฉพาะช่วงวันหยุด

  • มีฝาครอบปิดสระ (pool cover) เมื่อไม่ได้ใช้งาน จึงมีเศษใบไม้และฝุ่นน้อย

แต่แม้จะใช้งานน้อยก็ควรตรวจเช็คตะกร้ากรองทุก 2 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมตกค้าง เพราะหากตะกร้าตัน ปั้มจะทำงานหนักและเกิดความเสียหายได้เช่นกัน


ข้อควรระวังเพิ่มเติม

  • อย่าล้างตะกร้ากรองด้วยน้ำยากัดกร่อน
    เพราะจะทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพเร็ว เกิดการแตกร้าวหรือบิ่น ทำให้ประสิทธิภาพการกรองลดลง

  • ตรวจสอบปะเก็นยาง (O-Ring) ทุกครั้งหลังล้าง
    หากพบว่าปะเก็นแข็งกรอบ ฉีกขาด หรือบิดเบี้ยว ต้องเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำเวลาปั้มทำงาน

  • ตัดไฟก่อนล้างทุกครั้ง
    เพื่อความปลอดภัยของผู้ล้างเอง และป้องกันความเสียหายของระบบไฟฟ้าในปั้ม


สรุป: วิธีล้างปั้มสระว่ายน้ำด้วยตัวเอง

การล้างปั้มสระว่ายน้ำไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องปฏิบัติอย่างถูกวิธี และใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน ได้แก่

  • ปิดระบบไฟก่อนเริ่ม

  • ถอดชิ้นส่วนอย่างระมัดระวัง

  • ล้างตะกร้ากรองและตรวจเช็คปะเก็น

  • ประกอบกลับให้แน่น ตรวจสอบการทำงานหลังล้าง

หากทำสม่ำเสมอ จะช่วย

  • ยืดอายุการใช้งานของปั้มและระบบกรอง

  • รักษาคุณภาพน้ำในสระให้ใสสะอาด

  • ประหยัดค่าใช้จ่ายการซ่อมแซมในอนาคต

หากไม่มีเวลา หรือไม่มั่นใจในการล้างเอง ควรใช้บริการดูแลสระว่ายน้ำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความสะดวกและมั่นใจได้ว่าสระของคุณจะปลอดภัยและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ

linecontactshop 03

หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการสร้างสระว่ายน้ำที่มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ เราพร้อมให้คำแนะนำและบริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงการดูแลรักษาสระ เพื่อให้คุณได้สระว่ายน้ำที่สมบูรณ์แบบและใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!

บริษัท เวิลด์พูลส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด