อุปกรณ์ดูแลสระว่ายน้ำที่จำเป็นสำหรับเจ้าของบ้านมือใหม่
ทำไมการดูแลสระว่ายน้ำจึงสำคัญ?
สระว่ายน้ำในบ้านเป็นแหล่งพักผ่อนและออกกำลังกายที่เพิ่มคุณค่าให้กับบ้าน แต่หาก ดูแลสระน้ำ ไม่ถูกวิธี จะก่อให้เกิดปัญหาน้ำเขียว น้ำขุ่น ตะไคร่เกาะ และเชื้อโรคสะสม อุปกรณ์ดูแลสระน้ำที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น ช่วยให้สระของคุณสะอาด ปลอดภัย และใช้งานได้อย่างยาวนาน ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงใหญ่
ไม้ช้อนตะกอน (Leaf Skimmer)
หน้าที่
ไม้ช้อนตะกอน หรือ Leaf Skimmer เป็นอุปกรณ์ดูแลสระน้ำพื้นฐานที่เจ้าของบ้านทุกคนต้องมี ใช้สำหรับ ช้อนเก็บใบไม้ เศษฝุ่น ดอกไม้ แมลง หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะจมลงสู่ก้นสระ หากปล่อยให้จม จะกลายเป็นตะกอนหมักหมม สร้างคราบสกปรกบนพื้นสระ เกิดการเน่าเสียของน้ำ มีกลิ่นเหม็น และต้องใช้แรงและเวลาเพิ่มขึ้นในการดูดตะกอนออก
การใช้ไม้ช้อนตะกอนเป็นประจำ ยังช่วยให้การดูแลสระน้ำง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดูดตะกอนบ่อยครั้ง และลดภาระของระบบกรองน้ำ เพราะเศษใหญ่จะไม่ถูกดูดเข้าไปอุดตันในปั๊มหรือระบบท่อ
ไม้ช้อนตะกอนส่วนใหญ่จะมีโครงทำจากอลูมิเนียมหรือพลาสติกคุณภาพสูง น้ำหนักเบา พร้อมตาข่ายตาถี่ที่ออกแบบมาเพื่อจับเศษชิ้นเล็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถต่อเข้ากับด้ามจับยาวเพื่อใช้งานในสระขนาดใหญ่ได้อย่างสะดวก
จุดเด่น
-
ราคาย่อมเยา
ไม้ช้อนตะกอนเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ดูแลสระน้ำประเภทอื่น ๆ เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นดูแลสระด้วยตนเอง -
ใช้งานง่าย
ไม่ต้องมีระบบไฟฟ้าหรือเชื่อมต่อกับเครื่องมือใด ๆ เพียงใช้มือช้อนตักสิ่งสกปรกขึ้นจากผิวน้ำ สามารถใช้งานได้ทันทีแม้ไม่มีประสบการณ์มาก่อน -
ใช้ได้ทุกวันเพื่อป้องกันการสะสมของเศษขยะในน้ำ
การใช้ไม้ช้อนตะกอนวันละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดภาระในการดูดตะกอน ทำให้น้ำในสระใสสะอาดอยู่เสมอ ลดการใช้สารเคมีเพราะน้ำไม่เน่าเสีย และยืดอายุการใช้งานของเครื่องกรองและปั๊มน้ำ -
ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว
เพราะการช้อนสิ่งสกปรกออกตั้งแต่แรก จะลดปริมาณเศษหมักหมมที่ต้องใช้เครื่องดูดหรือการเปลี่ยนน้ำบ่อยครั้ง จึงเป็นอุปกรณ์ที่เล็กแต่ทรงพลังในการดูแลสระน้ำ
แปรงขัดผนังสระว่ายน้ำ (Pool Brush)
หน้าที่
แปรงขัดผนังสระว่ายน้ำมีบทบาทสำคัญมากในการดูแลสระ เพราะแม้ว่าจะเติมคลอรีนหรือสารเคมีอย่างเพียงพอ แต่ถ้าไม่มีการขัดผนังและพื้นสระเป็นประจำ ตะไคร่และคราบสกปรกจะสะสมและเกาะแน่นจนเกิดปัญหาน้ำเขียวหรือน้ำขุ่นได้ง่าย นอกจากนี้ หากปล่อยให้ผนังสระมีคราบตะไคร่หนา จะทำให้พื้นสระลื่นจนผู้ว่ายน้ำเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มบาดเจ็บได้ อีกทั้งคราบสะสมยังทำให้พื้นผิวสระดูหมอง ไม่เงางามเหมือนใหม่
การใช้แปรงขัดสระอย่างสม่ำเสมอจะช่วย
-
ขจัดคราบตะไคร่ก่อนที่มันจะเติบโตจนยากต่อการกำจัด
-
ลดปริมาณสารเคมีที่ต้องใช้ เพราะพื้นผิวสะอาด น้ำก็จะรักษาสภาพได้ง่ายขึ้น
-
ยืดอายุการใช้งานของพื้นและผนังสระ ลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงใหญ่
วิธีการใช้งาน
-
ควรใช้แปรงขัดผนังและพื้นสระอย่างน้อย สัปดาห์ละครั้ง
-
เริ่มจากการปิดปั๊มน้ำเพื่อให้คราบตะไคร่ไม่กระจายออก
-
ขัดในทิศทางเดียวเป็นแนวตรงหรือแนวนอนให้ทั่วพื้นผิว
-
หลังจากขัดแล้ว เปิดระบบกรองเพื่อดูดตะกอนที่หลุดลอยออกจากผนัง
ประเภทของแปรงขัดสระว่ายน้ำ
การเลือกแปรงขัดสระว่ายน้ำให้เหมาะสมกับพื้นผิวสระและลักษณะคราบสกปรกเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้การดูแลสระน้ำมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ทำลายพื้นผิว และประหยัดแรงงานในการทำความสะอาด โดยทั่วไปแปรงขัดสระแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ แปรงไนลอน และ แปรงสแตนเลส
แปรงไนลอน คุณสมบัติ
แปรงไนลอนทำจากเส้นใยไนลอนที่มีความนุ่มและยืดหยุ่นสูง จึงเหมาะสำหรับการขัดทำความสะอาดพื้นผิวที่เรียบเนียนและไม่ต้องการแรงขัดมาก เช่น
-
สระว่ายน้ำที่ปูด้วย กระเบื้องโมเสก
-
สระว่ายน้ำไฟเบอร์กลาส
-
พื้นผิวเรซินหรือวัสดุปูผิวสระที่มีความมัน
ข้อดี
-
ขนแปรงนุ่ม ไม่ทำร้ายพื้นผิวสระ
-
ไม่เกิดรอยขีดข่วนหรือความเสียหายต่อเคลือบผิวของกระเบื้อง
-
ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการใช้งานบ่อยครั้ง
การใช้งานที่เหมาะสมแปรงไนลอนเหมาะสำหรับ
-
งานขัดตะไคร่เบา ๆ ที่เริ่มเกิดใหม่
-
การทำความสะอาดตามรอบปกติ ประจำสัปดาห์
-
การรักษาสภาพพื้นผิวให้สะอาดอยู่เสมอ โดยไม่จำเป็นต้องใช้แรงกดมาก
แปรงสแตนเลส
คุณสมบัติของแปรงสแตนเลส
แปรงสแตนเลสทำจากลวดสแตนเลสที่มีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงขัดถู ขนแปรงมีความแข็งมากกว่าแปรงไนลอนทั่วไป ทำให้สามารถขจัดคราบสกปรกฝังแน่นที่ติดแน่นกับพื้นหรือผนังสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโครงสร้างของแปรงถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกดในการขัดโดยไม่เสียรูปง่าย และยังทนต่อสารเคมีในสระว่ายน้ำได้ดี จึงเหมาะสำหรับการใช้งานหนักหรืองานทำความสะอาดใหญ่ในสระว่ายน้ำ
ข้อดีของแปรงสแตนเลส
-
ทนทานสูง
ผลิตจากวัสดุสแตนเลสคุณภาพดี ไม่เป็นสนิม อายุการใช้งานยาวนาน ใช้ได้นานหลายปีหากดูแลรักษาถูกต้อง -
กำจัดคราบฝังแน่นได้ดี
ขนแปรงแข็ง ช่วยขัดคราบตะไคร่และคราบหินปูนที่เกาะติดอย่างเหนียวแน่น ซึ่งแปรงไนลอนไม่สามารถขัดออกได้ -
เหมาะกับงานหนัก
สามารถใช้ทำความสะอาดบริเวณที่มีคราบสกปรกสะสมเป็นเวลานานโดยไม่ทำให้แปรงเสียหายง่าย
ตัวอย่างคราบสกปรกที่แปรงสแตนเลสสามารถกำจัดได้
-
คราบตะไคร่ที่เกาะติดหนาแน่นบนพื้นและผนังสระ ซึ่งเกิดจากการสะสมของตะไคร่เป็นระยะเวลานาน
-
คราบหินปูนหรือคราบแคลเซียมที่เกิดจากน้ำกระด้าง สะสมจนเป็นคราบขาวแข็งบนพื้นผิว
-
คราบฝังแน่นที่ไม่สามารถขัดออกด้วยแปรงไนลอนหรือแปรงขนนุ่มทั่วไป
การใช้งานที่เหมาะสม แปรงสแตนเลสเหมาะสำหรับ
-
การขัดคราบตะไคร่หนักที่เกาะแน่นจนทำให้พื้นผิวลื่น ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานสระว่ายน้ำ
-
การขัดคราบหินปูนหรือคราบแคลเซียมที่สะสมบนผนังสระและพื้นสระ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้พื้นผิวเสียหายถาวร
-
การทำความสะอาดสระว่ายน้ำที่เป็น พื้นคอนกรีตหยาบ หรือพื้นปูนเปลือย ที่มีความแข็งแรง สามารถทนต่อแรงขัดได้โดยไม่เสียหาย
-
การใช้งานในงานทำความสะอาดใหญ่ (Deep Cleaning) หรือการรีโนเวทสระว่ายน้ำก่อนใช้งานประจำปี
ข้อควรระวังในการใช้งานแปรงสแตนเลส
แม้แปรงสแตนเลสจะมีข้อดีในด้านความแข็งแรง แต่ก็มีข้อควรระวังเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพื้นผิวของสระว่ายน้ำ ได้แก่
-
ไม่ควรใช้กับสระที่ปูด้วยกระเบื้องโมเสกหรือกระเบื้องเคลือบผิวมัน
เพราะขนแปรงสแตนเลสแข็ง อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วน ผิวกระเบื้องหมอง หรือทำลายเคลือบผิว ทำให้พื้นผิวสูญเสียความเงางามและเกิดรอยถาวรได้ -
ไม่ควรใช้กับพื้นผิวไฟเบอร์กลาสหรือเรซิน
พื้นสระไฟเบอร์กลาสจะมีผิวเรียบและบางกว่าพื้นปูน หากใช้แปรงสแตนเลสขัดแรง ๆ จะทำให้ผิวสระเสียหาย เกิดรอยลึก และเสื่อมสภาพเร็วขึ้น -
ควรเลือกขนาดแปรงให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน
เพื่อให้สะดวกต่อการขัด และกระจายน้ำหนักแรงกดได้ดี ไม่ทำให้แปรงหักหรือหลุดจากด้าม -
ควรล้างทำความสะอาดแปรงหลังใช้งานทุกครั้ง
เพื่อกำจัดคลอรีนหรือสารเคมีตกค้างบนขนแปรง ซึ่งอาจทำให้ขนแปรกลายสภาพหรือลดอายุการใช้งานได้
สรุป
แปรงสแตนเลสถือเป็น อุปกรณ์ดูแลสระน้ำที่จำเป็น สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการทำความสะอาดสระให้สะอาดหมดจด โดยเฉพาะในส่วนที่มีคราบฝังแน่น ตะไคร่หนา หรือคราบหินปูนที่แปรงไนลอนไม่สามารถขัดออกได้ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกใช้อย่างเหมาะสมกับประเภทพื้นผิวของสระว่ายน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น และเพื่อรักษาสภาพสระว่ายน้ำของคุณให้ดูใหม่และใช้งานได้ยาวนาน
เครื่องดูดตะกอน (Pool Vacuum Cleaner)
หน้าที่
เครื่องดูดตะกอนเป็นอุปกรณ์สำคัญในการ ดูแลสระน้ำ เพราะถึงแม้จะมีระบบกรองน้ำดีแค่ไหน แต่เศษฝุ่น ทราย และตะกอนละเอียดที่ตกอยู่ที่ก้นสระจะไม่สามารถถูกดูดขึ้นผ่านระบบกรองได้หมด เครื่องดูดตะกอนจึงทำหน้าที่ ดูดสิ่งสกปรกโดยตรงจากพื้นสระ ทำให้น้ำใสสะอาด ป้องกันการสะสมของคราบตะไคร่ ช่วยรักษาสุขอนามัยและความสวยงามของสระว่ายน้ำในระยะยาว
ประเภทของเครื่องดูดตะกอน
1. Manual Vacuum
เป็นเครื่องดูดตะกอนแบบใช้แรงคน เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านที่มีเวลาทำความสะอาดด้วยตนเอง
-
การใช้งาน
ต้องต่อเครื่องดูดเข้ากับระบบกรองของสระว่ายน้ำ โดยใช้สายดูด (vacuum hose) เชื่อมกับช่องดูดตะกอนในสระ (vacuum point) แล้วค่อย ๆ ใช้ไม้จับเครื่องดูดไล่ตามพื้นสระเพื่อดูดสิ่งสกปรกขึ้นมา -
ข้อดี
ราคาประหยัด ดูแลรักษาง่าย และซ่อมบำรุงไม่ยุ่งยาก -
ข้อควรระวัง
ต้องใช้แรงและเวลา เพราะผู้ใช้ต้องควบคุมทิศทางการดูดเองทั้งหมด หากใช้ไม่ชำนาญอาจดูดไม่ทั่วถึง
2. Automatic Robotic Vacuum
คือ หุ่นยนต์ดูดตะกอนอัตโนมัติ ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน
-
การใช้งาน
เพียงวางหุ่นยนต์ลงในสระ เครื่องจะเคลื่อนที่ดูดตะกอน เศษฝุ่น และสิ่งสกปรกต่าง ๆ เองโดยอัตโนมัติ ทั้งพื้นสระและบางรุ่นสามารถไต่ผนังสระเพื่อทำความสะอาดได้ด้วย -
ข้อดี
ประหยัดแรงและเวลา ไม่ต้องใช้ระบบกรองของสระ ช่วยยืดอายุปั๊มกรอง ไม่ต้องคอยยืนถือเครื่องดูดตะกอนเอง และบางรุ่นมีฟังก์ชันตั้งเวลาล่วงหน้าได้ -
ข้อควรระวัง
ราคาค่อนข้างสูง และควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับสระว่ายน้ำของคุณ
วิธีเลือกเครื่องดูดตะกอนให้เหมาะสม
-
พิจารณาขนาดสระ
สระขนาดใหญ่ควรเลือกหุ่นยนต์ดูดตะกอนที่มีประสิทธิภาพสูง ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างและรวดเร็ว -
พิจารณาประเภทพื้นสระ
หากพื้นสระเป็นกระเบื้องเรียบ Manual Vacuum ก็เพียงพอ แต่หากมีร่องลึกหรือสระปูนเปลือย อาจใช้ Automatic Robotic Vacuum เพื่อทำความสะอาดได้ทั่วถึง -
พิจารณาเวลาและแรงงาน
หากคุณมีเวลาจำกัด การลงทุนกับหุ่นยนต์ดูดตะกอนจะช่วยลดภาระในระยะยาว
เทสเตอร์วัดคุณภาพน้ำ (Pool Water Test Kit)
หน้าที่
เทสเตอร์วัดคุณภาพน้ำ เป็นอุปกรณ์สำคัญอันดับต้น ๆ ในการดูแลสระว่ายน้ำ เพราะคุณภาพน้ำที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้สระดูใสสะอาดน่าใช้ แต่ยัง ป้องกันปัญหาสุขภาพผิวหนังและดวงตา ของผู้ว่าย ลดการเกิดตะไคร่ เชื้อโรค หรือการกัดกร่อนพื้นผิวและอุปกรณ์ในระบบสระว่ายน้ำ
การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถปรับสมดุลเคมีในน้ำได้ทันทีเมื่อพบค่าผิดปกติ ป้องกันการสะสมของสารเคมีเกินมาตรฐานที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งาน
ค่าที่ต้องตรวจวัด
-
pH
ควรอยู่ในช่วง 7.2 – 7.6 เพื่อให้คลอรีนทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และไม่ระคายเคืองผิวหรือดวงตา -
คลอรีน (Chlorine)
ค่า Residual Chlorine ควรอยู่ระหว่าง 1 – 3 ppm เพื่อฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียในน้ำ -
Alkalinity (Total Alkalinity)
ควรอยู่ระหว่าง 80 – 120 ppm เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่า pH ไม่ให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว -
Cyanuric Acid (Stabilizer)
ควรอยู่ระหว่าง 30 – 50 ppm ช่วยป้องกันการสูญเสียคลอรีนจากแสงแดด โดยเฉพาะสระกลางแจ้ง -
Calcium Hardness
ควรอยู่ระหว่าง 200 – 400 ppm เพื่อป้องกันการกัดกร่อนผนังสระหรือเกิดคราบตะกรันบนพื้นและผนังสระ
ประเภทของเทสเตอร์วัดคุณภาพน้ำ
1. ชุดน้ำยาหยด (Drop Test Kit)
ลักษณะ
เป็นชุดทดสอบแบบคลาสสิก ประกอบด้วยหลอดทดลองและน้ำยาหยดสำหรับทดสอบค่าแต่ละชนิด
ข้อดี
-
ให้ผลแม่นยำกว่าชนิดแถบทดสอบ
-
ราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านทั่วไปและผู้เริ่มต้น
ข้อควรระวัง
-
ต้องอ่านผลตามสีอย่างระมัดระวัง
-
ต้องจัดเก็บน้ำยาในที่ร่ม ไม่โดนแดดเพื่อรักษาประสิทธิภาพ
2. แถบทดสอบ (Test Strip)
ลักษณะ
เป็นแถบกระดาษทดสอบ มีสารเคมีเคลือบอยู่เพื่อตรวจวัดค่าเคมีต่าง ๆ ได้ในครั้งเดียว
ข้อดี
-
ใช้งานง่ายและรวดเร็ว
-
ตรวจสอบค่าได้หลายค่าในครั้งเดียว
ข้อควรระวัง
-
ความแม่นยำอาจน้อยกว่าชุดน้ำยาหยดเล็กน้อย
-
ต้องอ่านค่าทันทีหลังจุ่มตามเวลาที่กำหนด
3. เครื่องอ่านดิจิทัล (Digital Pool Tester)
ลักษณะ
ใช้เซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิกส์ตรวจวัดค่าเคมีแล้วแสดงผลบนหน้าจอ
ข้อดี
-
ให้ผลแม่นยำสูง อ่านค่าได้ง่าย
-
เหมาะสำหรับสระที่ต้องการควบคุมมาตรฐานคุณภาพน้ำอย่างเข้มงวด เช่น สระโรงแรม รีสอร์ต หรือฟิตเนส
ข้อควรระวัง
-
ราคาสูงกว่าประเภทอื่น
-
ต้องดูแลรักษาตามคู่มือ เพื่อยืดอายุการใช้งานของเซ็นเซอร์
อุปกรณ์เติมคลอรีน (Chlorinator)
หน้าที่
เครื่องเติมคลอรีนอัตโนมัติช่วยควบคุมระดับคลอรีนในน้ำให้คงที่ ป้องกันปัญหาน้ำเขียวและเชื้อโรค เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านที่ไม่สะดวกเติมคลอรีนด้วยตนเองทุกวัน
ประเภท
-
Inline Chlorinator
ติดตั้งเข้ากับระบบท่อกรองของสระว่ายน้ำ ใช้งานง่าย เพียงเติมเม็ดคลอรีนหรือแท็บเล็ตลงในเครื่อง จากนั้นคลอรีนจะละลายและกระจายเข้าสู่ระบบน้ำตามอัตราการไหลของน้ำ -
Floating Chlorinator
คลอรีนแบบลอยน้ำ เป็นอุปกรณ์พลาสติกทรงกลมที่บรรจุแท็บเล็ตคลอรีนภายในและลอยอยู่บนผิวน้ำ ปล่อยคลอรีนออกมาอย่างช้า ๆ เหมาะกับสระขนาดเล็กหรือการใช้งานชั่วคราว -
Salt Chlorinator (เครื่องผลิตคลอรีนจากเกลือ)
ใช้เกลือสระว่ายน้ำ (Sodium Chloride) แปลงเป็นคลอรีนผ่านกระบวนการ Electrolysis ช่วยลดการใช้คลอรีนเคมีโดยตรง เหมาะกับผู้ต้องการระบบ เกลือ (Saltwater Pool) เพราะให้ความรู้สึกนุ่มนวลต่อผิวหนังและประหยัดค่าเคมีในระยะยาว
ข้อดี
-
ควบคุมความเข้มข้นของคลอรีนในน้ำได้อย่างสม่ำเสมอ
-
ลดการสัมผัสคลอรีนโดยตรง ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน
-
ประหยัดเวลา ไม่ต้องเติมคลอรีนบ่อยครั้ง
-
ยืดอายุการใช้งานของน้ำในสระ
เคล็ดลับการใช้งาน
-
ตรวจสอบระดับคลอรีนในน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
-
เติมคลอรีนหรือเกลือตามปริมาณที่แนะนำในคู่มือผู้ผลิต
-
ทำความสะอาดเครื่องเติมคลอรีนตามรอบการบำรุงรักษา เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ตะแกรงกรองใบไม้ (Leaf Canister)
หน้าที่
ติดตั้งระหว่างสายดูดตะกอนกับเครื่องดูด เพื่อกรองใบไม้และเศษใหญ่ ป้องกันไม่ให้เข้าไปอุดตันในปั๊มและระบบกรอง
ลักษณะการทำงาน
-
Leaf Canister มีลักษณะเป็นถังหรือกล่องพลาสติกใส ภายในมีตะแกรงกรองละเอียด
-
เมื่อใช้กับเครื่องดูดตะกอน น้ำและเศษขยะจะถูกดูดผ่านตะแกรงนี้ก่อนเข้าสู่ท่อและปั๊ม
-
สามารถถอดออกมาล้างเศษใบไม้และขยะได้ง่าย
เหตุผลที่ควรใช้
-
ป้องกันการอุดตัน เศษใบไม้ใหญ่หรือเศษพลาสติกในน้ำอาจติดในท่อดูดตะกอนหรือใบพัดปั๊ม ซึ่งทำให้ระบบกรองหยุดทำงานหรือเสียหายได้
-
ประหยัดค่าซ่อมบำรุง หากเศษขยะเข้าไปในปั๊มจนใบพัดแตกหัก จะมีค่าใช้จ่ายสูงในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่
-
สะดวกต่อการดูแลสระว่ายน้ำ สามารถดูดเศษขยะขนาดใหญ่ได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายของระบบ
การติดตั้ง
-
ต่อ Leaf Canister ระหว่างหัวดูดตะกอน (Vacuum Head) กับสายดูด (Vacuum Hose) หรือบางรุ่นออกแบบเฉพาะสำหรับเครื่องดูดอัตโนมัติ
-
ตรวจสอบให้แน่นหนา ไม่มีรอยรั่ว เพื่อให้ระบบดูดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
การบำรุงรักษา
-
ล้างเศษขยะออกจากตะแกรงทุกครั้งหลังใช้งาน
-
ตรวจสอบสภาพตะแกรงกรองอย่างน้อยเดือนละครั้ง หากมีการแตกร้าวควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันเศษขยะเล็ดลอด
สรุป
ทั้ง อุปกรณ์เติมคลอรีน (Chlorinator) และ ตะแกรงกรองใบไม้ (Leaf Canister) เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้การ ดูแลสระว่ายน้ำ เป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย ลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง และรักษาสภาพน้ำให้ใสสะอาด พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยเฉพาะเจ้าของบ้านมือใหม่ ควรจัดเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้การดูแลสระว่ายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ผ้าคลุมสระว่ายน้ำ (Pool Cover)
หน้าที่
ผ้าคลุมสระว่ายน้ำถือเป็นอุปกรณ์ดูแลสระว่ายน้ำที่สำคัญแต่หลายบ้านมักมองข้าม หน้าที่หลักของผ้าคลุมสระคือ ป้องกันสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่นละออง เศษใบไม้ ดอกไม้ แมลง และสัตว์เล็ก ๆ ไม่ให้ตกลงไปในสระ จึงช่วยลดภาระการทำความสะอาดด้วยไม้ช้อนและเครื่องดูดตะกอน นอกจากนี้ยังช่วย ลดการระเหยของน้ำในสระลงได้มากถึง 80% โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่แสงแดดจัด น้ำในสระจะระเหยหายไปทุกวัน ส่งผลให้ต้องเติมน้ำใหม่บ่อยครั้ง
การใช้ผ้าคลุมยังช่วย รักษาอุณหภูมิน้ำในสระ ไม่ให้เย็นเร็วเกินไปในตอนกลางคืน โดยเฉพาะผ้าคลุมแบบ Solar Cover ที่สามารถดูดซับพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์และถ่ายเทลงสู่น้ำ ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าจากการเปิดเครื่องทำความร้อนสระว่ายน้ำ
นอกจากนี้ หากบ้านของคุณมีต้นไม้รอบสระ การใช้ผ้าคลุมจะช่วยป้องกันปัญหาใบไม้สะสมอุดตันระบบกรอง ลดการใช้สารเคมีเนื่องจากสิ่งสกปรกน้อยลง ทำให้น้ำในสระคงสภาพสมดุลได้นานขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความปลอดภัย หากมีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน สามารถเลือกผ้าคลุมแบบ Safety Cover เพื่อป้องกันการพลัดตกลงสระได้อีกด้วย
ปั๊มและระบบกรองสระว่ายน้ำ (Pool Pump & Filter)
หน้าที่
ปั๊มและระบบกรองถือเป็น หัวใจหลักของการดูแลสระว่ายน้ำ โดยปั๊มทำหน้าที่หมุนเวียนน้ำในสระผ่านระบบกรองเพื่อดักจับเศษฝุ่น ตะกอน ใบไม้ หรือสิ่งสกปรกขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ช่วยให้น้ำในสระใสสะอาดพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
ระบบการทำงาน
-
ปั๊มสระว่ายน้ำ (Pool Pump)
ทำหน้าที่ดูดน้ำจากสระเข้าสู่เครื่องกรอง จากนั้นน้ำสะอาดจะถูกปล่อยกลับเข้าสู่สระอีกครั้ง การเปิดปั๊มอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง จะทำให้น้ำถูกกรองทั่วทั้งสระ ป้องกันการก่อตัวของตะไคร่และแบคทีเรีย -
เครื่องกรองน้ำสระว่ายน้ำ (Pool Filter)
มีหลายประเภท เช่น เครื่องกรองทราย (Sand Filter) เครื่องกรองผ้า (Cartridge Filter) และเครื่องกรองไดอะตอมไมต์ (DE Filter) โดยแต่ละแบบจะมีความละเอียดในการกรองแตกต่างกัน-
Sand Filter: กรองหยาบ ดูแลรักษาง่าย ค่าใช้จ่ายต่ำ
-
Cartridge Filter: กรองละเอียดกว่า ดูแลสะดวก ไม่ต้อง Backwash บ่อย
-
DE Filter: กรองได้ละเอียดสูงสุด เหมาะกับสระที่ต้องการความใสมากเป็นพิเศษ
-
ความสำคัญของการเลือกขนาดปั๊มและเครื่องกรอง
การเลือกขนาดปั๊มและเครื่องกรองต้องสัมพันธ์กับ ปริมาตรน้ำในสระ หากปั๊มเล็กเกินไปจะหมุนเวียนน้ำไม่ทั่วถึง ทำให้ประสิทธิภาพการกรองลดลง เกิดปัญหาน้ำหมุนเวียนไม่เพียงพอ เกิดตะไคร่และน้ำขุ่นได้ง่าย แต่หากปั๊มใหญ่เกินไปจะสิ้นเปลืองค่าไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น
การดูแลรักษา
-
ควรตรวจสอบแรงดันเครื่องกรองอยู่เสมอ หากแรงดันสูงแปลว่าเครื่องกรองอุดตัน ต้องล้างหรือเปลี่ยนไส้กรอง
-
ตรวจสอบสภาพปั๊ม ฟังเสียงการทำงาน หากมีเสียงดังผิดปกติควรเรียกช่างตรวจเช็กทันที
-
ล้าง Backwash สำหรับ Sand Filter และ DE Filter ตามตารางที่กำหนด เพื่อรักษาประสิทธิภาพการกรองให้สูงสุด
ชุดท่อต่อและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ
ความสำคัญของชุดท่อต่อและอุปกรณ์เสริม
อุปกรณ์เหล่านี้ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้ การดูแลสระว่ายน้ำเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด แม้จะไม่ได้เป็นเครื่องมือหลักโดยตรง แต่หากขาดไปจะทำให้การใช้งานอุปกรณ์หลัก เช่น เครื่องดูดตะกอนหรือไม้ช้อนตะกอน ไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
อุปกรณ์สำคัญในชุดนี้
1. ด้ามต่อยาว (Telescopic Pole)
-
ใช้ต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แปรงขัดสระหรือไม้ช้อนตะกอน
-
สามารถปรับความยาวได้ตามต้องการ ทำให้ทำความสะอาดได้ครอบคลุมทั้งสระ ไม่ว่าจะเป็นสระเล็กหรือสระใหญ่
-
ผลิตจากวัสดุอลูมิเนียมที่แข็งแรง ทนทาน ไม่เป็นสนิม
2. สายดูดตะกอน (Vacuum Hose)
-
ใช้เชื่อมต่อระหว่างเครื่องดูดตะกอนกับระบบกรองสระว่ายน้ำ
-
ผลิตจากวัสดุ PVC คุณภาพสูง ยืดหยุ่นได้ดี ไม่แตกหักง่าย
-
ความยาวมีหลายขนาดให้เลือกตามขนาดสระ เช่น 9 เมตร 12 เมตร หรือ 15 เมตร
3. ข้อต่อสายน้ำและชุดหัวต่อ (Hose Adapter & Fitting)
-
ใช้เชื่อมต่อสายดูดตะกอนกับหัวดูดหรือกับเครื่องกรอง
-
ป้องกันน้ำรั่วซึมหรือแรงดูดตกขณะใช้งาน
-
มีหลายขนาดตามเส้นผ่านศูนย์กลางของสายดูดตะกอน เช่น 1.5 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว
ทำไมเจ้าของบ้านมือใหม่ควรมีชุดนี้
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นดูแลสระว่ายน้ำเอง หากไม่มีอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ จะไม่สามารถใช้งานอุปกรณ์หลักได้อย่างสมบูรณ์ เช่น เครื่องดูดตะกอนจำเป็นต้องใช้คู่กับสายดูดและด้ามจับเพื่อควบคุมทิศทางการดูด หากไม่มีด้ามจับ จะไม่สามารถกดหัวดูดให้แนบกับพื้นสระได้ ทำให้ดูดตะกอนไม่หมดจด
ประโยชน์ของการมีชุดท่อต่อและอุปกรณ์เสริมครบ
-
เพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ลดเวลาและแรงงาน
-
ใช้งานอุปกรณ์ดูแลสระว่ายน้ำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
-
ลดปัญหาการชำรุดเสียหายจากการใช้งานผิดวิธี
-
ยืดอายุการใช้งานของเครื่องดูดตะกอน แปรงขัด และอุปกรณ์ต่าง ๆ
แนวทางเลือกซื้อสำหรับมือใหม่
-
ตรวจสอบความยาวด้ามจับและสายดูดให้เหมาะสมกับความลึกและขนาดของสระ
-
เลือกวัสดุที่ทนต่อคลอรีนและแสงแดดเพราะต้องใช้กลางแจ้งเป็นประจำ
-
ซื้อจากร้านจำหน่ายอุปกรณ์สระว่ายน้ำที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพและมีการรับประกัน
เทคนิคการดูแลสระว่ายน้ำสำหรับเจ้าของบ้านมือใหม่
1. กำหนดตารางทำความสะอาด
-
ช้อนใบไม้ทุกวัน หรือวันเว้นวัน
-
ขัดผนังสระสัปดาห์ละครั้ง
-
ดูดตะกอนทุกสัปดาห์
2. ตรวจสอบค่าเคมีในน้ำอย่างสม่ำเสมอ
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อปรับสมดุลน้ำ ป้องกันการเกิดตะไคร่และเชื้อโรค
3. เปิดระบบปั๊มกรองอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน
เพื่อให้น้ำหมุนเวียนและผ่านเครื่องกรองทั่วถึงทั้งสระ
4. ใช้ผ้าคลุมสระเมื่อไม่ใช้งาน
ช่วยลดฝุ่นละอองและค่าใช้จ่ายด้านเคมีในระยะยาว
บทสรุป
การดูแลสระว่ายน้ำ ไม่ใช่เรื่องยาก หากมี อุปกรณ์ดูแลสระว่ายน้ำ ที่เหมาะสมและครบถ้วนตั้งแต่แรก เจ้าของบ้านมือใหม่จะสามารถดูแลสระด้วยตนเองได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องพึ่งบริการดูแลสระตลอดเวลา อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ดูแลรักษาสุขอนามัย และยืดอายุการใช้งานของสระว่ายน้ำให้คงทนและสวยงาม
หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการสร้างสระว่ายน้ำที่มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ เราพร้อมให้คำแนะนำและบริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงการดูแลรักษาสระ เพื่อให้คุณได้สระว่ายน้ำที่สมบูรณ์แบบและใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!
บริษัท เวิลด์พูลส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
- 261/5 ถ.มหิดล ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
- 053-204 446-7
- 095-6815757
- Line id : @worldpools
- FaceBook Page : World Pools สร้างสระว่ายน้ำ เชียงใหม่ อุปกรณ์สระ สระว่ายน้ำ ซ่อมสระ ดูแลสระ
- worldpoolscnx@gmail.com