น้ำยาตกตะกอนสระว่ายน้ำ ใช้อย่างไรให้ “น้ำใสในคืนเดียว” แบบถูกหลัก ปลอดภัย และคุ้มค่า
ทำไมน้ำถึง “ขุ่น/เขียวอมเทา” ทั้งที่ใส่คลอรีนแล้ว?
เวลาน้ำสระดูขุ่นมัวหรืออมเขียว หลายคนจะเร่งใส่คลอรีนก่อน แต่ความจริงแล้วปัญหามักไม่ได้อยู่ที่ “ปริมาณคลอรีน” เพียงอย่างเดียว แก่นของปัญหาคือมี อนุภาคจิ๋ว ที่ล่องลอยอยู่ในน้ำ—เช่น คอลลอยด์, สาหร่ายจุลภาค, ฝุ่นดิน/อินทรียวัตถุที่แตกตัวละเอียด—ซึ่งมีขนาดเล็กมากจน ระบบกรองปกติจับไม่อยู่ และมักมี ประจุไฟฟ้าบนผิว ทำให้อนุภาคเหล่านี้ผลักกันเอง ลอยแขวนลอยอยู่นาน น้ำจึงดูหม่นแม้มีคลอรีนเพียงพอ
คลอรีน ฆ่าสิ่งมีชีวิตจุลภาค/ออกซิไดซ์สารอินทรีย์ ได้ดี แต่ไม่ได้ทำให้ “อนุภาคแขวนลอย” หายไปเองทันที คุณยังต้อง “เอาอนุภาคออกจากน้ำ” ให้ได้จริง
ทำไมกรองถึงจับไม่อยู่?
-
ทรายกรองทั่วไป มักรับมืออนุภาคระดับ ~20–50 ไมครอน
-
คาร์ทริดจ์ ประมาณ ~10–20 ไมครอน
-
DE (ไดอะตอมไมต์) ประมาณ ~2–5 ไมครอน
แต่คอลลอยด์/สาหร่ายจำนวนมาก เล็กกว่านั้น หรือเกาะกลุ่มกันอย่างหลวม ๆ จนเล็ดผ่านสื่อกรองไปได้ น้ำจึงยังดูขุ่น ๆ แม้ปั๊มเดินทั้งวัน
1) หลักการทำงาน (เข้าใจครั้งเดียว ใช้ได้ตลอด)
Flocculant / Coagulant (สารตกตะกอน “จริงจัง”)
-
ทำอะไร: ทำให้อนุภาคจิ๋ว ๆ (คอลลอยด์/ดินโคลน/ซากสาหร่าย) หมดประจุ–จับตัว–ก่อตัวใหญ่ แล้ว ตกจมก้นสระ
-
เงื่อนไขสำคัญ: ต้อง หยุดการไหลเวียน (ปิดปั๊ม) ให้เวลามันจม จากนั้น ดูดทิ้งโหมด Waste เพื่อไม่ให้ย้อนเข้ากรอง
-
ใช้เมื่อ: น้ำขุ่นจัด/หลังฝนหนัก/หลังช็อกสาหร่าย/ต้องการ “ใสใน 1 คืน”
-
ผลลัพธ์: เร็ว เห็นชัดเจน แต่จะมีน้ำทิ้ง ต้องเติมน้ำและปรับสมดุลใหม่
Clarifier (โพลิเมอร์ “ช่วยใส”)
-
ทำอะไร: ช่วย “พอก/เชื่อม” อนุภาคให้ ใหญ่พอ ที่ระบบกรองจะดักได้ โดยยังเปิดปั๊มตามปกติ
-
เงื่อนไขสำคัญ: ไม่ต้องพักน้ำ แต่ต้อง พึ่งระบบกรอง → ต้องกรองต่อเนื่องหลายชั่วโมงและ ล้างกรอง หลังจบงาน
-
ใช้เมื่อ: น้ำเริ่มหม่น ๆ/ฝุ่นละเอียดเล็กน้อย/ต้องการ “บำรุงความใสประจำสัปดาห์”
-
ผลลัพธ์: สะดวก ประหยัดน้ำ ไม่กระทบการใช้งานสระมาก แต่ไม่เร็วเท่า Floc
สรุปภาพใหญ่:
อยากใสด่วน: Floc → พักน้ำให้ตกจม → ดูดทิ้ง
อยากคงความใสยาว ๆ: Clarifier → เปิดกรองต่อเนื่อง
2) เลือกตัวไหน—ดูจาก “ระดับความขุ่น” และ “เวลา”
-
มองพื้นสระไม่เห็น / น้ำขุ่นแบบชาโคลน: ไป Floc เลย (โหมดพักจม)
-
น้ำหม่นเบลอ เห็นพื้นแต่ไม่ชัด / ฝุ่นหลังใช้งาน: ใช้ Clarifier จะคุ้มกว่า
-
มีงานเร่งด่วนพรุ่งนี้เช้า: Floc (X-24) คือคำตอบ
-
ต้องประหยัดน้ำ / ไม่มีวาล์ว Waste: Clarifier เหมาะสุด หรือใช้ Floc อย่างระวังพร้อมปั๊มทิ้งแยก
3) เปรียบเทียบแบบ “ดูแว้บเดียวรู้เรื่อง”
ประเด็น | Floc/Coagulant | Clarifier |
---|---|---|
ความเร็วเห็นผล | สูงมาก (ข้ามคืน) | ปานกลาง–สูง (ขึ้นกับกรอง) |
ต้องปิดปั๊ม/พักน้ำ | ต้อง (8–12 ชม.) | ไม่ต้อง |
วิธีจบงาน | ดูดทิ้ง Waste | กรองต่อเนื่อง + ล้างกรอง |
การสูญเสียน้ำ | มี (ทิ้งน้ำบางส่วน) | แทบไม่มี |
พึ่งพาระบบกรอง | ต่ำ (ดูดทิ้งออกเลย) | สูง (ต้องกรองให้เก็บอนุภาค) |
ความเหมาะกับ “งานเร่งด่วน” | เหมาะมาก | ปานกลาง |
ความเหมาะกับ “บำรุงรักษา” | ใช้เฉพาะจำเป็น | เหมาะมาก (สัปดาห์ละครั้ง/ตามสภาพ) |
ความเสี่ยงทำพลาด | โดสเกิน/ไม่พักพอ → ฟุ้งซ้ำ | ใส่เกิน → น้ำขุ่นน้ำนม/กรองอุดเร็ว |
ผลกระทบต่อเวลาใช้งานสระ | ต้องเว้นช่วงพักน้ำ | ใช้งานสระได้ต่อเนื่องกว่ามาก |
4) เงื่อนไขที่ทำให้ “ได้ผลจริง” (ของทั้งสองแบบ)
-
pH 7.2–7.6: โซนนี้ Floc/Clarifier ทำงานดีที่สุด
-
Alkalinity 80–120 ppm: ช่วยให้สภาพน้ำเสถียร
-
ฆ่าสาหร่ายก่อน ถ้าน้ำเขียวจากสิ่งมีชีวิต (ช็อกคลอรีน/อัลกาไซด์) แล้วค่อยตกตะกอน
-
อย่าผสมเคมีต่างชนิดรวมถัง และ อย่าเทพร้อมผลิตภัณฑ์อื่นลงตะกร้า Skimmer
-
อ่านฉลาก–SDS ทุกครั้ง (แต่ละสูตรเข้มข้นไม่เท่ากัน)
5) ข้อผิดพลาดยอดฮิต (และทางเลี่ยงแบบง่ายที่สุด)
ใช้ Floc
-
เปิดปั๊มเร็วไป: อนุภาคยังไม่ทันจม → รูดผลงานทิ้ง ให้พัก 8–12 ชม. จริง ๆ
-
ดูดตะกอนเร็ว/แรง: ฟุ้งกลับขึ้น → ดูด ช้า ๆ ให้หัวดูด “เฉียดพื้น”
-
ไม่มีโหมด Waste: ดันเข้ากรองจนตัน → เตรียม ปั๊มทิ้งแยก หรือท่อทิ้งชั่วคราว
ใช้ Clarifier
-
หวังผลเร็วเกินจริง: มัน “ช่วยกรอง” ไม่ใช่ “เร่งจม” → เปิดกรองนานพอ + ล้างกรองหลังจบ
-
ใส่เกินโดส: น้ำขุ่นน้ำนม/เกิดสารพอกกรอง → หยุดใส่ เปลี่ยนน้ำบางส่วน/ล้างกรองถี่
6) กรณีใช้จริง—เลือกยังไงให้ชนะตั้งแต่ต้น
-
หลังฝนหนัก/น้ำกลายเป็นชาโคลน → Floc (PAC/Alum/Floc เจล) โหมดพักจม
-
หลัง “ช็อกสาหร่าย” → รอให้ตาย/แตกตัว → Floc ดูดทิ้ง → ปรับสมดุล
-
สระโรงแรม/พูลวิลล่า ที่ต้องเปิดใช้งานตลอด → รักษาด้วย Clarifier อัตราต่ำรายสัปดาห์ + ตั้งเวลา ปั๊ม 6–8 ชม./วัน
-
บ้านที่ไม่มีวาล์ว Waste → ให้ความสำคัญกับ Clarifier เป็นหลัก ถ้าจำเป็นต้อง Floc ให้เตรียมปั๊มทิ้งชั่วคราว
7) โดสเริ่มต้น—คิดแบบปลอดภัย (ให้ยึดฉลากเป็นหลัก)
-
Floc/Coagulant: โดยงานสระมักเริ่มทดลองแถว ๆ 5–30 กรัม/ม³ (ขึ้นกับสูตรเข้มข้น/สภาพน้ำ) แล้วค่อยปรับ
-
Clarifier: มักอยู่ช่วง ประมาณ 0.5–2 มล./ม³ ต่อครั้ง (ใช้ “น้อยแต่สม่ำเสมอ”)
หลักเหล็ก: เริ่มต่ำ–ทดสอบผล–ค่อยเพิ่ม ดีกว่า “ใส่ทีเดียวหนัก” แล้วต้องแก้ย้อน
8) มินิ–Decision Tree (ตัดสินใจใน 10 วินาที)
ประเมินระดับความขุ่น
-
ขุ่นจัด มองพื้นไม่เห็น หรือมีงานเร่งด่วนพรุ่งนี้ → เลือกใช้ Floc
-
หม่นเล็กน้อย ยังเห็นพื้น เน้นประหยัดน้ำ/ใช้งานสระต่อเนื่อง → เลือกใช้ Clarifier
หากเลือกใช้ Floc (เร่งใสภายในคืนเดียว)
-
ปรับ pH ให้อยู่ช่วง 7.2–7.6 และตรวจ Alkalinity ให้อยู่ในเกณฑ์
-
กระจายน้ำยาตกตะกอนให้ทั่วสระตามโดสบนฉลาก
-
ปิดปั๊ม พักน้ำ 8–12 ชั่วโมงให้ตะกอนจม
-
ตอนเช้า ดูดตะกอนทิ้งด้วยโหมด Waste ช้า ๆ ไม่ให้ฟุ้ง
-
เติมน้ำชดเชย ล้างกรอง (Backwash/Rinse หรือทำความสะอาดคาร์ทริดจ์)
-
บาลานซ์น้ำใหม่ (คลอรีน pH Alkalinity) จากนั้นเปิดระบบกรองตามปกติ
หากเลือกใช้ Clarifier (ดูแลความใสประจำสัปดาห์)
-
บาลานซ์น้ำให้อยู่ช่วงแนะนำ (โดยเฉพาะ pH 7.2–7.6)
-
เติม Clarifier อัตราต่ำตามฉลาก และกระจายรอบสระ
-
เปิดระบบกรองต่อเนื่อง 6–12 ชั่วโมง
-
ล้างกรองเมื่อแรงดันขึ้นหรือหลังจบงาน
-
ทำซ้ำตามสภาพน้ำสัปดาห์ละครั้งหรือเมื่อน้ำเริ่มหม่น
เช็กลิสต์เงื่อนไขพิเศษ (เช็กก่อนตัดสินใจ)
-
น้ำเป็นสีเขียวจากสาหร่าย: ให้ช็อกคลอรีนกำจัดสาหร่ายก่อน แล้วค่อยเลือก Floc/Clarifier ตามระดับความขุ่น
-
ระบบกรองไม่มีวาล์ว Waste (มักพบในคาร์ทริดจ์): ให้ใช้ Clarifier เป็นหลัก หรือเตรียมปั๊ม/ท่อทิ้งแยกหากจำเป็นต้องใช้ Floc
-
เพิ่งเจอฝนหนัก/ฝุ่นโคลนจำนวนมาก: เอนเอียงไปทาง Floc (พักน้ำให้ตกจมแล้วดูดทิ้ง)
-
ต้องรีบใช้งานสระภายใน 24 ชั่วโมง: เลือก Floc (โหมดพักจม) จะเห็นผลเร็วกว่า
สรุปจำง่าย
-
อยากใสด่วนในคืนเดียว: ใช้ Floc → ปิดปั๊ม พักจม ดูดทิ้งโหมด Waste → ล้างกรอง → บาลานซ์น้ำ
-
อยากคงความใสต่อเนื่อง ประหยัดน้ำ: ใช้ Clarifier อัตราต่ำควบคู่การกรองตามปกติ
-
ทั้งสองกรณีควรเริ่มจากการบาลานซ์ pH/Alkalinity และอ่านฉลาก–SDS ทุกครั้งก่อนใช้งาน
9) คำถามหน้างาน (FAQ เฉพาะประเด็น Floc vs Clarifier)
-
ใช้สองอย่างพร้อมกันได้ไหม?
ทำได้ใน “แผนกู้สภาพ → รักษาความใส” เช่น คืนแรกใช้ Floc เคลียร์หนัก ๆ แล้วสัปดาห์ถัดไปใช้ Clarifier อัตราต่ำ รักษาความใส แต่ อย่าเทสองชนิดลงพร้อมกัน ในเวลาสั้นโดยไม่อ่านฉลาก -
ระบบกรองทราย vs คาร์ทริดจ์ มีผลไหม?
มี: ถ้าไม่มีวาล์ว Waste (มักพบในคาร์ทริดจ์) จะดูดทิ้งยาก → เอนเอียงไปทาง Clarifier มากขึ้น หรือเตรียมอุปกรณ์ทิ้งน้ำแยก -
ใส่ Floc แล้วน้ำพร่องเยอะ จะกระทบเคมีไหม?
หลังเติมน้ำใหม่ต้อง บาลานซ์ pH/Alk/คลอรีน อีกรอบเสมอ เพื่อไม่ให้กลับมาขุ่น
10) สรุปให้จำง่าย
-
Floc = ทางลัดคืนเดียว แต่ต้อง “ปิดปั๊ม–พักให้จม–ดูดทิ้ง” และยอมเสียค่าน้ำเติม
-
Clarifier = ผู้ช่วยกรอง สะดวก ประหยัดน้ำ เหมาะกับ ดูแลความใสต่อเนื่อง
-
ก่อนใช้ทั้งสองแบบ ตั้งน้ำให้สมดุล (pH/Alk) และ อย่าผสมเคมีมั่ว
ถ้าบอก ขนาดสระ (กว้าง×ยาว×ลึกเฉลี่ย) กับ ระบบกรองที่ใช้ ผมจะช่วยคำนวณ “โดสเริ่มต้น” และวางแผน กู้สภาพ (Floc) + บำรุงรักษา (Clarifier) ให้เหมาะกับสระของคุณแบบพร้อมใช้งานได้ทันทีครับ
1) สารส้ม (Alum / Aluminum Sulfate)
ทำงานยังไง
ประจุบวกของอะลูมิเนียมไป หักล้างประจุลบ บนผิวคอลลอยด์ → เกิด “ฟล็อค” (Al(OH)₃) จับอนุภาคให้ใหญ่และหนักขึ้นจน ตกจมก้นสระ
ช่วง pH/สภาพน้ำที่เหมาะ
-
ทำงานดีเมื่อ pH ~7.2–7.6 (ในงานสระว่ายน้ำควบคุมที่ช่วงนี้จะปลอดภัย/เสถียร)
-
Alkalinity (TA) ควรอยู่ราว 80–120 ppm เพื่อกัน pH แกว่ง
โดสตั้งต้น (อิงหน้างาน/ฉลากเป็นหลัก)
-
งานสระว่ายน้ำทั่วไป ~ 5–30 กรัม/ม³ (หรือ 5–30 mg/L) เริ่ม “ข้างต่ำ” แล้วค่อยปรับ
-
ตัวอย่าง: สระ 40 m³ ใส่ที่ 10 กรัม/ม³ → ~400 กรัม
วิธีใช้แนะนำ (โหมด Floc)
-
ปรับ pH 7.2–7.6
-
ผสมสารส้มกับน้ำสะอาดในถัง (ห้ามผสมรวมกับเคมีอื่น)
-
เปิด Recirculate 15–30 นาที ให้กระจายทั่วบ่อ แล้ว ปิดปั๊ม
-
พักน้ำ 8–12 ชม. ให้จม → Vacuum to Waste ช้า ๆ
-
เติมน้ำ–ล้างกรอง–บาลานซ์ใหม่
ข้อดี
-
คุ้มค่า ราคาต่อครั้งต่ำ
-
เคลียร์น้ำขุ่นคอลลอยด์/ฝุ่นได้ดี
ข้อควรระวัง
-
ใส่เกิน → ขุ่นน้ำนม/ฟุ้งซ้ำ
-
ทำให้ pH/TA ลดลง → ต้องเช็กและปรับกลับ
-
ถ้าไม่มีโหมด Waste อาจลำบาก (ฟล็อคเข้ากรองแล้วตัน)
เหมาะเมื่อ
-
น้ำขุ่นจากฝุ่น/คอลลอยด์ทั่วไป
-
งานที่ต้องการควบคุมต้นทุนและทำตามขั้นตอนครบ
2) PAC (Poly Aluminum Chloride)
ทำงานยังไง
อะลูมิเนียมแบบ “พรีไฮโดรไลซ์” → จับตัวเร็วกว่า ใช้น้อยกว่า สารส้ม และ pH แกว่งน้อยกว่า
ช่วง pH/สภาพน้ำที่เหมาะ
-
ทนช่วงกว้าง ~6.5–8.0 แต่ในสระควบคุมที่ 7.2–7.6 เช่นเดิม
-
เหมาะกับน้ำหลากหลายสภาพ โดยเฉพาะหลังฝน/หลังช็อก
โดสตั้งต้น
-
โหมด Floc: โดยทั่วไป ~2–15 กรัม/ม³ (น้อยกว่าสารส้ม)
-
โหมด “ช่วยกรอง” ต่อเนื่อง (ไม่นอนตะกอน): ใช้ อัตราต่ำมาก ตามฉลาก
วิธีใช้ (สองโหมด)
-
Floc เร่งใส: ทำเหมือนสารส้ม → กระจาย, ปิดปั๊ม, พัก 8–12 ชม., ดูดทิ้ง
-
Micro-floc/ช่วยกรอง: หยดอัตราต่ำให้ระบบทำงานต่อเนื่อง แล้ว ล้างกรองถี่ขึ้น
ข้อดี
-
จับตัวเร็ว ใช้น้อย ประหยัดเวลา
-
pH แกว่งน้อย กว่าสารส้ม
-
ตะกอนเนียน ดูดง่าย
ข้อควรระวัง
-
ใส่เกิน → น้ำ ขุ่นน้ำนม ได้เช่นกัน
-
หากใช้โหมดช่วยกรอง ต้อง เฝ้าความดันกรอง และล้างกรอง
เหมาะเมื่อ
-
กู้สภาพเร็ว หลังฝนตก/หลังช็อกสาหร่าย
-
สระเชิงพาณิชย์/โรงแรมที่ต้องการความเร็วและเสถียรภาพ
3) Polymeric Clarifier (โพลิเมอร์ช่วยใส)
ทำงานยังไง
โพลิเมอร์ประจุบวก (เช่น polyDADMAC) หรือชีวภาพ (เช่นคิ โตซาน) ทำงานแบบ bridging + neutralization → อนุภาคใหญ่ขึ้นจน “กรองจับได้ง่าย” โดย ไม่ต้องปิดปั๊ม
ช่วง pH/สภาพน้ำที่เหมาะ
-
มักทน pH กว้าง (ดูฉลาก) ใช้ได้ดีในช่วงสระมาตรฐาน 7.2–7.6
-
เหมาะกับสระที่ ไม่มีโหมด Waste หรือใช้ คาร์ทริดจ์/DE ที่ต้องเลี่ยงตะกอนหนัก
โดสตั้งต้น
-
บำรุงรักษาความใสรายสัปดาห์ประมาณ 0.5–2 มล./ม³/ครั้ง (ยึดฉลาก)
-
ใส่ “น้อยแต่สม่ำเสมอ” ดีกว่าใส่เยอะครั้งเดียว
วิธีใช้
-
บาลานซ์น้ำ (pH/TA/คลอรีน)
-
หยดรอบบ่อขณะปั๊มทำงาน → หมุนเวียน 6–12 ชม.
-
ล้างกรอง หลังการทำงานช่วงแรก
ข้อดี
-
ง่าย/เร็ว/ไม่ต้องปิดปั๊ม
-
เหมาะกับ การดูแลประจำ และสระคาร์ทริดจ์
ข้อควรระวัง
-
ไม่ใช่ทางลัดข้ามคืน ถ้าน้ำขุ่นมาก
-
ใส่เกิน → เกิดฟิล์ม/เมือก/โฟม บนผิวน้ำ/สื่อกรอง → ต้องล้างกรอง/เปลี่ยนน้ำบางส่วน
เหมาะเมื่อ
-
ต้องการ “คงความใส” ต่อเนื่อง
-
ระบบที่ไม่มี Waste หรือไม่อยากทิ้งน้ำจำนวนมาก
4) Floc แบบเจล/ก้อน/น้ำเข้มข้น (Quick-Settle Floc)
ทำงานยังไง
สูตร เข้มข้น/ปลดปล่อยช้า เพื่อ ตกจมรวดเร็ว เหมาะกรณีต้องใช้สระในเวลาอันใกล้
ช่วง pH/สภาพน้ำที่เหมาะ
-
ยึดช่วงสระมาตรฐาน 7.2–7.6 (ตรวจ pH ก่อนเสมอ)
-
ปั๊ม/วาล์วต้องพร้อมสำหรับ Vacuum to Waste
โดสตั้งต้น
-
ผู้ผลิตมักระบุเป็น “ต่อปริมาตรสระ/ต่อพื้นที่ผิวน้ำ/ต่อครั้ง” ให้ยึดฉลากอย่างเคร่งครัด
-
หลักการ: ถ้าสงสัย ให้เลือก “โดสต่ำ” แล้วประเมินผล
วิธีใช้
-
กระจายหรือวางเจลตามตำแหน่งที่แนะนำ
-
เปิดปั๊มให้หมุนเวียนสั้น ๆ เพื่อกระจาย/ละลาย (ถ้ามีขั้นตอนนี้) แล้ว ปิดปั๊ม
-
พัก 8–12 ชม. → Vacuum to Waste ช้า ๆ
-
เติมน้ำ–ล้างกรอง–บาลานซ์
ข้อดี
-
ง่ายและเร็ว เหมาะกู้สภาพ “ก่อนใช้งานจริง”
-
เหมาะสระที่ต้องโชว์สภาพน้ำ (โรงแรม/พูลวิลล่า)
ข้อควรระวัง
-
ตะกอนเยอะ ต้องเตรียมกำลังทิ้งน้ำ/เติมน้ำ
-
ถ้าไม่มี Waste/ไม่มีปั๊มทิ้ง → ไม่แนะนำ
-
ใช้ถี่เกินไป → สูญเสียน้ำ/สารปรับสมดุลมาก
เหมาะเมื่อ
-
ต้องการ “เร่งจบ” ภายในข้ามคืนก่อนรับแขก/อีเวนต์
-
น้ำขุ่นมากหลังพายุ/งานซ่อมบำรุง
เลือกอะไรดี? (สรุปเป็นภาพรวมการตัดสินใจ)
-
ต้องใสด่วน (ข้ามคืน) → เลือก PAC โหมด Floc หรือ Floc เจล/ก้อน/เข้มข้น + มี Waste
-
คงความใสรายสัปดาห์/ไม่มี Waste → Polymeric Clarifier อัตราต่ำ
-
ต้องคุมต้นทุนและรับงานทั่วไป → สารส้ม (แต่ต้องเก่งเรื่อง pH/TA และมี Waste)
-
หลังช็อกสาหร่าย/หลังฝนหนัก → PAC (Floc) มักจบงานเร็วกว่า
ทิปการใช้งานร่วม–ความเข้ากัน (Compatibility & Sequence)
-
ห้ามผสมเคมีต่างชนิดในถังเดียว โดยเฉพาะคลอรีนเข้มข้น
-
ถ้าน้ำ “เขียวเพราะสาหร่าย” ให้ ฆ่าสาหร่ายก่อน (ช็อกคลอรีน/อัลกาไซด์) แล้วค่อย Floc
-
ระหว่างใช้ Clarifier สามารถเดินกรองต่อเนื่องได้ แต่ควร ล้างกรอง เมื่อความดันขึ้น
-
หากใช้ Metal Sequestrant (จับโลหะ) เพื่อแก้น้ำติดสี → ทำก่อน จากนั้นค่อย Clarifier/Floc (เว้นช่วงตามฉลาก)
-
Cartridge/DE: ระวังฟล็อคหนักเข้าไส้กรอง → ถ้าไม่มี Waste ให้ใช้ Clarifier แทน หรือเตรียมปั๊มทิ้งแยก
สัญญาณ “ใส่เกิน/ขั้นตอนไม่ครบ” และวิธีแก้
-
น้ำขุ่นน้ำนม/ฝ้า: โดสเกินหรือ pH หลุดช่วง → เปิดกรองยาว ๆ + ล้างกรองถี่ขึ้น, ปรับ pH/TA, พิจารณาเปลี่ยนน้ำบางส่วน
-
ฟล็อคไม่ยอมจม: pH นอกช่วง, มีการกวนผิวน้ำ, ปั๊มรั่วไหลย้อน, โดสต่ำไป → ปรับ pH, หยุดกวน, เพิ่มโดส “เล็กน้อย” รอบสอง
-
กรองตันเร็ว: เป็นผลจากตะกอนจำนวนมาก/ใส่โหมดช่วยกรอง → ล้างกรอง/ทำความสะอาดคาร์ทริดจ์ให้ถี่ใน 24–48 ชม. แรก
-
ผิวน้ำลื่น/มีฟิล์มบาง (มักเกิดกับ Clarifier เมื่อใส่เกิน): งดเติมเพิ่ม, ล้างกรอง, สกัดด้วย skimmer sock/เปลี่ยนน้ำบางส่วน
ตัวอย่างคำนวณ (ให้จับหลักให้ถูก)
สระ 8×4×1.3 ม. = 41.6 m³
-
ถ้าใช้ PAC โหมด Floc 10 กรัม/ม³ → ~416 กรัม
-
ถ้าใช้ Clarifier 1 มล./ม³ (ดูแลรายสัปดาห์) → ~42 มล.
เริ่ม “ข้างต่ำ” ทดสอบผลจริงหน้างาน แล้วค่อยไล่เพิ่มตามต้องการ
ความปลอดภัย–สิ่งแวดล้อม (ต้องทำเสมอ)
-
PPE: ถุงมือ/แว่น/หน้ากาก ผสมนอกอาคาร อากาศถ่ายเท
-
วางแผน น้ำทิ้งจากโหมด Waste ให้ถูกที่ (หลีกเลี่ยงน้ำผิวดิน/พืชโดยตรง) และ บาลานซ์ pH หลังเติมน้ำใหม่
-
เก็บเคมีให้พ้นมือเด็ก/สัตว์ ไม่โดนแดด/ความชื้น
ทิปสำคัญ :
ถ้าน้ำ “เขียวจากสาหร่าย” → ให้ กำจัดสาหร่ายก่อน (ช็อกคลอรีน/ใช้อัลกาไซด์ตามฉลาก) แล้วค่อยใช้ Floc เพื่อเคลียร์อนุภาคที่ตาย/แตกตัว จะได้ผลเร็ว ใสจริง และคงสภาพได้นานกว่า
เช็กลิสต์ก่อนเริ่ม (สำคัญกว่าที่คิด) – ฉบับลงมือทำ
1) ทดสอบน้ำให้ครบ (ก่อนใส่น้ำยา)
เป้าหมายค่าเริ่มงาน:
-
pH = 7.2–7.6 (โซนที่สารตกตะกอนทำงานดีที่สุด)
-
Alkalinity (TA) = 80–120 ppm (ช่วยกัน pH แกว่ง)
-
คลอรีนอิสระ (FC) อยู่ในช่วงปลอดภัยตามชนิดสระ (บ้านพักทั่วไป 1–3 ppm)
เครื่องมือที่แนะนำ: ชุดทดสอบแบบหยด/แถบ, มิเตอร์ดิจิทัล (ถ้ามี)
ทิป:
-
หาก pH > 7.8 ให้ปรับลงก่อน (กรดเกลือ/ไบซัลเฟต ตามคู่มือผลิตภัณฑ์)
-
หาก pH < 7.0 ให้ปรับขึ้น (โซดาแอช/โซเดียมไบคาร์บอเนต ตามคู่มือ)
-
TA ต่ำเกิน → เติมไบคาร์บอเนต / TA สูงเกิน → ใช้กรดปรับร่วมกับการไหลเวียนอากาศ (ตามแนวทางผู้ผลิต)
-
น้ำเขียวจากสาหร่าย → ช็อกคลอรีนให้ตายก่อน แล้วค่อยเข้าสเต็ปตกตะกอน
2) คำนวณปริมาตรสระให้แม่น (ฐานของการคิดโดส)
สูตรพื้นฐาน (เมตร):
-
สระสี่เหลี่ยม:
กว้าง × ยาว × ความลึกเฉลี่ย = m³
→ คูณ 1,000 = ลิตร
ตัวอย่าง:8 × 4 × 1.3 = 41.6 m³ ≈ 41,600 ลิตร
รูปทรงพิเศษ (ใช้วิธีประมาณการแบบหน้างาน):
-
สระวงกลม:
π × r² × ความลึกเฉลี่ย
-
สระวงรี:
π × กึ่งแกนยาว × กึ่งแกนสั้น × ความลึกเฉลี่ย
-
ทรงไต/อิสระ: แบ่งพื้นที่เป็น 2–3 ส่วน (สี่เหลี่ยม/วงกลมย่อย) แล้วบวกกัน
-
ความลึกเฉลี่ย:
(จุดตื้น + จุดลึก) ÷ 2
(หรือถ้าพื้นลาดไม่สม่ำเสมอ ให้วัด 3–5 จุดแล้วเฉลี่ย)
ทิป: จดปริมาตรสระไว้เป็น “ตัวเลขอ้างอิงกลาง” ของทีม—ช่วยลดการเผื่อโดสเกิน
3) ตรวจระบบกรองและการไหลเวียน (จะได้ไม่พังงาน)
สิ่งที่ต้องดู:
-
แรงดันกรอง (Pressure Gauge): เทียบกับค่า “ตอนกรองสะอาด” ของสระนั้น ๆ
-
หลักทั่วไป: ถ้าแรงดัน สูงขึ้น ~20–25% จากค่าเริ่มต้น → ถึงเวลาล้างกรอง/แบ็กวอช
-
-
อัตราการไหล: น้ำฝืด/ไหลช้าเกินไป = ส่อกรองอุดตัน
-
สภาพไส้กรอง:
-
ทราย/DE: มีคราบมัน/ตะกรัน? ล้างย้อน (Backwash) แล้ว Rinse ทุกครั้ง
-
คาร์ทริดจ์: ล้างด้วยสายน้ำ/แช่สารทำความสะอาดตามคู่มือ
-
-
วาล์วมัลติพอร์ต/บอลวาล์ว: ทำงานครบตำแหน่ง (Filter/Backwash/Rinse/Recirculate/Waste/Closed)
-
ท่อ/โอริง/หน้าแปลน: ไม่มีรั่วซึม/อากาศแทรก (ฟองอากาศในปั๊มทำให้ประสิทธิภาพตก)
ทิป: จด “แรงดันตอนกรองสะอาด” ติดไว้ที่หม้อลมกรอง เพื่อเป็นฐานเทียบในอนาคต
4) เลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงงาน (Floc vs Clarifier)
ตัดสินใจจาก 4 ปัจจัยนี้:
-
ระดับความขุ่น:
-
ขุ่นมาก/เห็นก้นสระไม่ชัด → Floc (ตกจม)
-
ขุ่นน้อย/หม่นบาง ๆ → Clarifier (ช่วยกรอง)
-
-
เวลา:
-
ต้องใส่ด่วน “ข้ามคืนใส” → Floc
-
ค่อย ๆ ใส/ดูแลประจำสัปดาห์ → Clarifier
-
-
ชนิดกรอง/ความพร้อมระบบทิ้งน้ำ:
-
มีโหมด Waste/ปั๊มทิ้ง → ใช้ Floc สบาย
-
ไม่มี Waste หรือไม่อยากทิ้งน้ำเยอะ → เอนเอียง Clarifier
-
-
ลักษณะปัญหา:
-
หลังช็อกสาหร่าย/ฝุ่นก่อสร้าง/โคลนหลังฝน → Floc/PAC เด่น
-
น้ำใสอยู่แล้ว แค่อยากคงความใส → Clarifier อัตราต่ำ
-
ข้อควรระวัง: น้ำติดสีชาน้ำตาล/น้ำตาลแดง (เสี่ยงโลหะ/แทนนิน) → พิจารณา Metal Sequestrant ก่อน แล้วค่อยช่วยใสด้วย Clarifier/Floc ตามเหมาะสม
5) เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม (หน้างานต้องลื่นไหล)
-
ไม้ม็อบดูดตะกอน (Weighted Vacuum Head) + สายดูด (Vac Hose) + ก้านต่อ (Telescopic Pole)
-
วาล์ว/ตำแหน่งโหมด Waste หรือ ปั๊มน้ำทิ้งสำรอง (กรณีไม่มี Waste)
-
ท่อระบายน้ำทิ้ง/พื้นที่รองรับ (ไม่ไหลย้อนสวน/ไม่ผิดกฎหมายท้องถิ่น)
-
ถังผสมพลาสติกสะอาด (ห้ามใช้โลหะ), แก้วตวง/ชามตวง
-
แผงเตือน/เชือกกั้นพื้นที่ (กันคนลงเล่นระหว่างพักน้ำ)
-
อุปกรณ์เสริม: ใบตัก (Leaf Rake), แปรงขัด, ไม้กวาดผิวน้ำ, ไฟฉายตรวจความใสตอนเช้า
ทิป: ตรวจ “ความยาวสายดูด” ให้ถึงทุกมุมของสระ—ลดการลากแรงจนตะกอนฟุ้ง
6) ความปลอดภัย (PPE & สภาพแวดล้อม)
-
PPE: ถุงมือยาง/ไนไตรล์, แว่นตานิรภัย, หน้ากากกันไอระเหย (เมื่อต้องผสมสาร), รองเท้ากันลื่น
-
สถานที่ผสม: กลางแจ้ง/อากาศถ่ายเท, มีน้ำสะอาดใกล้มือ
-
หลักปลอดภัยพื้นฐาน:
-
เติมสารลงในน้ำ (ไม่ใช่เติมน้ำลงบนสาร โดยเฉพาะกลุ่มกรด)
-
ผสมทีละชนิด ห้าม ผสมสารต่างชนิดรวมถัง
-
ห้ามเทสารเข้าตะกร้า Skimmer พร้อมสารอีกชนิด (เสี่ยงปฏิกิริยารุนแรง/จับก้อนในกรอง)
-
-
บริหารเวลา: ทำช่วงเย็น/ค่ำ อากาศนิ่ง พักน้ำข้ามคืนจมตัวได้ดี
-
งดกิจกรรม: ปิดฮีตเตอร์/โรบ็อต/น้ำพุ/เจ็ตนวด/ระบบเติมอัตโนมัติ & ห้ามคนลงสระ ระหว่างกระบวนการ
-
แผนฉุกเฉิน: น้ำกระเด็นเข้าตา/ผิว—ล้างน้ำสะอาดจำนวนมากทันที และพา ฉลากผลิตภัณฑ์/SDS ไปพบแพทย์
7) อ่านฉลาก–SDS ให้เข้าใจ (อย่าข้าม)
-
โดสแนะนำ: ยึด ฉลากผู้ผลิต เป็นหลัก—ตัวเลขในบทความเป็น “ช่วงเริ่มต้น” เท่านั้น
-
วิธีเจือจาง/การกระจาย: บางสูตรต้อง Recirculate 15–30 นาทีเพื่อพาเคมีวิ่งรอบบ่อโดยไม่ผ่านกรอง
-
เวลาพักน้ำ: ส่วนใหญ่ 8–12 ชม. (ข้ามคืน) แต่แต่ละสูตรอาจต่างกัน
-
ความเข้ากันได้: หลีกเลี่ยงใส่พร้อม อัลกาไซด์ชนิดแอมโมเนีย/โพลีแคทไอออน บางประเภท (อ่านคำเตือนฉลาก)
-
การจัดเก็บ: ที่แห้ง เย็น พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง, ปิดฝาสนิท, หลีกแสงแดดจ้า
-
การกำจัด: น้ำทิ้งต้องไม่ไหลลงพื้นที่อ่อนไหว/แหล่งน้ำธรรมชาติ ตามข้อกำหนดท้องถิ่น
8) (แนะนำ) ทำ “จาร์เทสต์” 10 นาที เพื่อลดความเสี่ยงโดสเกิน
ขั้นตอนสั้น:
-
ตักน้ำสระใส่ขวด/แก้วใส 3–4 ใบ (อย่างละ ~1 ลิตร)
-
หยอดสารในอัตรา “ต่ำ–กลาง–สูง” (เทียบตามฉลาก)
-
คนเบา ๆ 10–20 วินาที พัก 10–15 นาที
-
เลือกใบที่ใสสุด/ตะกอนจมเร็วสุด → ใช้เป็น โดสตั้งต้น หน้างานจริง (มักเลือกโดสกลางก่อน แล้วค่อยปรับ)
ทิป: จาร์เทสต์ช่วยประหยัดสาร ลดโอกาส “ขุ่นน้ำนม” จากการใส่เกิน
9) ตรวจสภาพแวดล้อม–งานระบบ (ก่อนเริ่มจริง)
-
พยากรณ์อากาศ: หลีกเลี่ยงฝน/ลมแรงในช่วงพักน้ำ
-
วาล์ว/ท่อระบายน้ำทิ้ง: ทดสอบการทำงานก่อน จะได้ไม่ต้องหยุดกลางคัน
-
ระดับน้ำ: เติมให้อยู่ระดับที่ปลอดภัยต่อปั๊ม (เผื่อพร่องตอนดูดทิ้ง)
-
ตั้งเวลา/ไทเมอร์: ปิดการทำงานอัตโนมัติทั้งหมดระหว่างพักน้ำ
-
ป้ายเตือน: ติดประกาศห้ามใช้งานสระชั่วคราว
10) เช็กลิสต์ฉบับย่อ (พิมพ์ติดตู้–ใช้หน้างาน)
-
✅ วัด pH/TA/FC และปรับเข้าช่วง
-
✅ คำนวณปริมาตรสระ & เลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงงาน
-
✅ ตรวจกรอง/แรงดัน/โหมด Waste พร้อม
-
✅ เตรียมอุปกรณ์ดูดตะกอน + ถังผสม + ท่อทิ้ง
-
✅ ใส่ PPE ครบ – ผสมสารทีละชนิด – เติมสารลงในน้ำ
-
✅ อ่านฉลาก–SDS: โดส, เจือจาง, เวลาพักน้ำ, ข้อห้าม
-
✅ (ถ้ามีเวลา) ทำจาร์เทสต์เพื่อปรับโดสเริ่มต้น
-
✅ เช็กอากาศ/ตั้งป้ายห้ามใช้งาน/ปิดระบบอัตโนมัติ
-
✅ ดำเนินการตามขั้นตอน (กระจาย–พัก–ดูดทิ้ง–ล้างกรอง–บาลานซ์ใหม่)
สรุป: เช็กลิสต์นี้คือ “เข็มทิศ” ที่ทำให้ทุกการตกตะกอนจบงานได้สะอาด เนียน และปลอดภัย—เริ่มจากค่าน้ำที่ถูก, ปริมาตรแม่น, ระบบกรองพร้อม, ผลิตภัณฑ์ตรงโจทย์, อุปกรณ์ครบ, PPE ไม่ตกหล่น, และทำตามฉลาก–SDS ทุกครั้ง เท่านี้โอกาสพลาดแทบไม่มีครับ!
ช่วงอ้างอิง “โดสเริ่มต้น” (ยึดฉลากผู้ผลิตเป็นหลัก)
กฎจำง่าย: 1 mg/L = 1 g/m³ และ 1 mL/m³ = 1 mL ต่อ 1,000 ลิตร
1) สารส้ม / PAC (โหมดตกตะกอน)
กรอบเริ่มต้นงานสระว่ายน้ำ: ~5–30 mg/L (= 5–30 g/m³)
แนะนำตามระดับความขุ่น
-
ฝ้าบาง/ขุ่นเล็กน้อย: 5–8 mg/L
-
ขุ่นปานกลาง (หลังฝน/คนลงเยอะ): 8–15 mg/L
-
ขุ่นมาก (หลังช็อกสาหร่าย/งานก่อสร้างใกล้สระ): 15–25 mg/L
-
เคสหนักมาก/โคลนละเอียดจัด: 25–30 mg/L (แนะนำ “แบ่งโดส” 2 รอบ ห่างกัน 60–90 นาที หรือทำ 2 ค่ำติดกัน เพื่อลดเสี่ยงน้ำฟุ้ง/ขุ่นน้ำนม)
ทิปหน้างาน: ถ้าไม่แน่ใจความแรง/เข้มข้นของผลิตภัณฑ์ ให้เริ่มต่ำสุดของช่วง แล้ว “ประเมินผลหลังพัก 8–12 ชม.” ก่อนตัดสินใจเติมเพิ่ม 50% ของโดสแรก
ข้อควรรู้เรื่อง “ความเข้มข้นผลิตภัณฑ์”
-
PAC ของเหลว ในท้องตลาดมักมีความเข้มข้นต่างกัน (เช่น 10–18% w/w) → โดส “กรัมของสารออกฤทธิ์” เท่ากัน แต่ “ปริมาณผลิตภัณฑ์” ที่ต้องใช้ต่างกัน
-
ถ้าจำเป็นต้องแปลงเป็นมิลลิลิตร: ใช้ความหนาแน่นโดยประมาณ ~1.15–1.25 g/mL สำหรับ PAC ของเหลว
-
ตัวอย่างหยาบ: ต้องการ 416 g ของ PAC ของเหลว ความหนาแน่น 1.20 g/mL → ปริมาตร ≈ 416 / 1.20 ≈ 347 mL
-
หมายเหตุ: นี่คือการประมาณเพื่อหน้างานเท่านั้น—ให้อ้างฉลากเป็นหลัก
-
สภาพน้ำที่กระทบโดส
-
pH: ทำงานดีที่สุดราว 7.2–7.6 (ถ้า pH สูงเกินไป ประสิทธิภาพตก)
-
อุณหภูมิ: น้ำเย็นมาก → ตกช้าลง → เพิ่มเวลาพักน้ำ
-
โหลดของแข็ง/อินทรียวัตถุสูง: อาจต้อง “สองรอบโดสต่ำ” ดีกว่า “รอบเดียวโดสสูง”
2) Polymeric Clarifier (โหมดบำรุงรักษาความใส)
กรอบเริ่มต้น: ~0.5–2 mL/m³ ต่อครั้ง
แนวทางใช้จริง
-
บำรุงรักษารายสัปดาห์: 0.5–1.0 mL/m³
-
หลังใช้งานหนัก/ปาร์ตี้/ฝุ่นเยอะ: 1.0–1.5 mL/m³
-
อย่าเกิน 2 mL/m³ ต่อครั้ง และควรเว้น 24–48 ชม. ก่อนเติมรอบถัดไป
Clarifier คือ “ตัวช่วยให้กรองดักง่ายขึ้น” ไม่ใช่ Floc เร่งจม ดังนั้นคาดหวัง “ใสแบบค่อยเป็นค่อยไป” พร้อมการกรองต่อเนื่องและ ล้างกรอง (Backwash/ล้างไส้) ให้ถี่ขึ้นเล็กน้อย ตามความดันกรอง
สูตรคำนวณสั้น ๆ (จำแล้วใช้ได้เลย)
ปริมาตรสระ (m³) = กว้าง(ม.) × ยาว(ม.) × ความลึกเฉลี่ย(ม.)
สารส้ม/PAC:
ปริมาณที่ต้องใช้ (กรัม) = โดส (mg/L) × ปริมาตรสระ (m³)
Clarifier:
ปริมาณที่ต้องใช้ (มล.) = โดส (mL/m³) × ปริมาตรสระ (m³)
1 m³ = 1,000 ลิตร ⇒ 1 mg/L = 1 g/m³
ตัวอย่างคำนวณหลายขนาดสระ
ตัวอย่าง A: สระบ้าน 41.6 m³
-
PAC โหมดเร่งจม ที่ 10 mg/L → 10 g/m³ × 41.6 = ~416 g
-
ถ้าเป็น PAC ของเหลว (ρ≈1.20 g/mL) → ~347 mL
-
-
Clarifier ที่ 1 mL/m³ → 1 × 41.6 = ~42 mL
ตัวอย่าง B: สระวิลล่า 75 m³
-
PAC 12 mg/L → 12 × 75 = 900 g (≈ 750 mL ถ้า ρ=1.20 g/mL)
-
Clarifier 0.8 mL/m³ → 0.8 × 75 = 60 mL
ตัวอย่าง C: สระโรงแรม 250 m³ (ขุ่นมากหลังฝนหนัก)
-
เริ่มแบบ “สองรอบโดสต่ำ” เพื่อความปลอดภัย
-
รอบที่ 1: 12 mg/L → 12 × 250 = 3,000 g
-
รอบที่ 2 (ผ่านไป 60–90 นาที): 8 mg/L → 8 × 250 = 2,000 g
-
รวม ~5,000 g ภายในค่ำเดียว (แทนที่จะใส่ครั้งเดียว 20 mg/L)
-
-
Clarifier (สัปดาห์ถัดไปเพื่อคงความใส): 0.5 mL/m³ → 0.5 × 250 = 125 mL ต่อครั้ง
ตัวอย่าง D: สระจิ๋ว/สแปลชพูล 12 m³ (ฝ้าบาง)
-
PAC 6 mg/L → 6 × 12 = 72 g
-
Clarifier 0.5 mL/m³ → 0.5 × 12 = 6 mL
วิธี “แบ่งโดส” ให้ปลอดภัยกว่า (สำหรับ Floc/Coagulant)
-
คำนวณโดสเป้าหมายรวม (เช่น 16 mg/L)
-
ใส่ 60–70% ก่อน (ประมาณ 10–11 mg/L) → หมุนเวียน RECIRCULATE 15–30 นาที เพื่อกระจาย
-
ประเมินผิวน้ำ/การก่อตัวของฟลอค → เติมที่เหลือ 30–40%
-
ปิดปั๊ม 8–12 ชม. รอจม → เช้าดูดทิ้งโหมด Waste
ข้อดี: ลดความเสี่ยง “ขุ่นน้ำนม/ฟุ้งซ้ำ” จากการใส่ครั้งเดียวแรงเกิน
การทำ “Jar/Bucket Test” ง่าย ๆ ก่อนใส่ทั้งบ่อ
-
ตักน้ำสระ 5–10 ลิตร ใส่ถัง/บีกเกอร์
-
ลองโดส ต่ำ–กลาง–สูง (เช่น 6/10/14 mg/L เทียบกัน)
-
คนให้เข้ากันและรอดูการจับตัว/ความเร็วตกตะกอน 10–30 นาที
-
เลือกโดสที่ “จับตัวดี + ไม่ฟุ้ง/น้ำนม” ไปใช้กับทั้งบ่อ
ใช้เวลาไม่มาก แต่ช่วยประหยัดเคมีและลดความเสี่ยงผิดพลาด
ข้อผิดพลาดเรื่องโดสที่พบบ่อย (และวิธีแก้)
-
ใส่เกิน → น้ำขุ่นน้ำนม/เหนียว: หยุดเติม เปิดกรองต่อเนื่อง, Backwash/ล้างไส้ถี่ขึ้น, อาจ เปลี่ยนน้ำบางส่วน และรอให้สมดุลกลับ
-
ใส่แล้วไม่จม: เช็ก pH ให้อยู่ 7.2–7.6, เพิ่มเวลา “พักน้ำ”, ลอง “แบ่งโดส” รอบถัดไป
-
ดูดทิ้งไม่เป็น (ไม่มี Waste): เตรียม ปั๊มน้ำทิ้งแยก/วางทางระบายน้ำให้พร้อมก่อนเริ่ม
-
หวังผลเร็วด้วย Clarifier: จำไว้ว่ามันคือ “ตัวช่วยกรอง” ไม่ใช่ Floc—อยากใสด่วนต้องใช้โหมดตกตะกอน
เช็กลิสต์ก่อนคำนวณโดสทุกครั้ง
-
✅ วัด/คำนวณ ปริมาตรจริง ของสระ (ใช้ “ความลึกเฉลี่ย”)
-
✅ ปรับ pH ให้อยู่ 7.2–7.6
-
✅ อ่าน ฉลาก/SDS ของยี่ห้อที่จะใช้ (ความเข้มข้น–วิธีเตรียม–ข้อห้าม)
-
✅ เตรียมอุปกรณ์สำหรับ Vacuum to Waste และทางระบายน้ำที่ปลอดภัย
-
✅ วางแผน เวลาพักน้ำ 8–12 ชม. แบบไม่ถูกรบกวน
สรุปจำง่าย (Cheat Sheet)
-
สารส้ม/PAC (เร่งจม): 5–30 mg/L → เลือกตามระดับความขุ่น, เริ่มต่ำ–ประเมิน–ค่อยเพิ่ม, พักน้ำ 8–12 ชม., ดูดทิ้ง Waste
-
Clarifier (คงความใส): 0.5–2 mL/m³ → ใส่บาง ๆ รายสัปดาห์/หลังใช้งานหนัก, เปิดกรองต่อเนื่อง และล้างกรองตามความดัน
-
สูตรคำนวณ:
-
g ที่ใช้ = mg/L × m³
-
mL ที่ใช้ = mL/m³ × m³
-
-
ปลอดภัยไว้ก่อน: pH 7.2–7.6, แบ่งโดสเมื่อไม่ชัวร์, ยึดฉลากเป็นหลัก
ขั้นตอนใช้งานแบบ X-24 (ใสใน 24 ชม.) — ฉบับขยายละเอียด
ขั้นที่ 1: กำจัดสาเหตุ (ถ้ามี) และ “บาลานซ์น้ำ”
เป้าหมาย: ทำให้น้ำ “พร้อม” สำหรับการตกตะกอน เพื่อให้สารทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและไม่ฟุ้งกลับ
ตรวจ–ปรับก่อนเริ่ม
-
pH: 7.2–7.6 (จุดหวาน 7.2–7.4 จะช่วยให้ Floc ทำงานดี)
-
Alkalinity (TA): 80–120 ppm
-
Free Chlorine (FC): ให้อยู่ในระดับแนะนำตามประเภทสระ (ปกติ 1–3 ppm สำหรับบ้าน)
-
Cyanuric Acid (CYA): ถ้าเป็นสระกลางแจ้ง ควรอยู่ราว 30–50 ppm (ไม่จำเป็นต้องปรับทุกครั้ง แต่ถ้าสูงมากอาจทำให้คลอรีนทำงานช้าลง)
ถ้าน้ำเขียว (สาหร่าย) → ต้องฆ่าให้ตายก่อน
-
ช็อกคลอรีน ตามฉลากผลิตภัณฑ์ (อย่าผสมเคมีอื่นลงในถังเดียวกัน)
-
เปิดกรองให้ หมุนเวียน 1–2 ชม. เพื่อกระจายคลอรีนทั่วสระ แล้วจึงไปขั้น Floc
-
สังเกต: สีเขียวควรกลายเป็นเขียวอ่อน/เทา แปลว่าสาหร่ายถูกทำลายแล้ว เหลือเศษให้ Floc จับจม
เคสพิเศษ
-
หลังฝนตกหนัก/พายุฝุ่น: ฝุ่นดินและอินทรียวัตถุสูง → ล้างตะกร้า Skimmer/ปั๊มให้โล่งก่อน เริ่มกระบวนการ
-
สงสัยโลหะละลาย/น้ำเป็นสีชา: ใช้ Metal Sequestrant (สารจับโลหะ) ก่อนหนึ่งรอบ แล้วค่อย Floc เพื่อลดความเสี่ยงคราบ
Pro Tips
-
ทำตอน หัวค่ำถึงกลางคืน → ลดการรบกวนจากคนเล่น/แดด/ลม และตื่นมาดูดทิ้งตอนเช้าได้เลย
-
ปิดเครื่อง น้ำพุ/สไลเดอร์/เจ็ตแรงๆ ตั้งแต่เริ่มขั้นตอน เพื่อไม่ให้กวนผิวน้ำ
ขั้นที่ 2: คำนวณโดสและ “ผสมน้ำยาให้พร้อม”
คำนวณปริมาตรสระ (m³)
-
สระสี่เหลี่ยม: กว้าง × ยาว × ความลึกเฉลี่ย
-
ตัวอย่าง: 8 × 4 × 1.3 = 41.6 m³ (≈ 41,600 ลิตร)
เลือกโดสเริ่มต้น (ยึดฉลากเป็นหลัก)
-
PAC/สารส้ม (โหมด Floc): โดยทั่วไปงานสระว่ายน้ำเริ่มราว 5–30 กรัม/ม³ (5–30 มก./ลิตร)
-
Clarifier โพลิเมอร์ (ดูแล): โดยมาก 0.5–2 มล./ม³ ต่อครั้ง
เริ่มที่ โดสต่ำ ทดสอบผลก่อน ดีกว่าใส่หนักแล้วแก้ยาก
การผสมเจือจาง
-
ใช้ ถังพลาสติกสะอาด (ไม่ใช้โลหะ) เติมน้ำสะอาดก่อน แล้วจึงค่อย ๆ เติมสารลงไป
-
อัตราการเจือจางขึ้นกับฉลาก (แพร่หลายคือ 1:10 ถึง 1:50 สำหรับ PAC ชนิดเข้มข้น)
-
ห้าม ผสมร่วมกับคลอรีน/กรด/อัลกาไซด์ในถังเดียว
-
คนให้เข้ากันเบา ๆ จนเป็นสารละลายเนียน ไม่จับตัว
ตัวอย่างคำนวณจริง
-
สระ 41.6 m³ ใช้ PAC 10 กรัม/ม³ → ต้องใช้ ≈ 416 กรัม
-
ถ้าผสม 1:20 → เติมน้ำ 8.3 ลิตร + PAC 416 กรัม คนให้เข้ากัน
Pro Tips
-
แบ่งใส่ 2 จุดขึ้นไป รอบสระ จะกระจายตัวได้สม่ำเสมอ
-
เตรียม ถังสำรอง เผื่อกรณีน้ำขุ่นมาก ต้อง “บูสต์” เบา ๆ ในรอบถัดไป (หลีกเลี่ยงโอเวอร์โดส)
ขั้นที่ 3: กระจายสารให้ทั่ว โดย ไม่ให้เข้ากรองทันที
เป้าหมาย: ให้โมเลกุลของสาร “พบเจอ” อนุภาคขุ่นทั่วทั้งบ่อ แต่ยังไม่ให้เข้าไปอุดกรอง
วิธี A (มีโหมด RECIRCULATE) — แนะนำที่สุด
-
ตั้งวาล์วไปที่ RECIRCULATE (หมุนเวียนโดยไม่ผ่านกรอง)
-
เติมสารที่ผสมแล้วเป็นเส้นรอบขอบสระ 360°
-
เดินปั๊ม 15–30 นาที เพื่อให้กระจายทั่ว
-
ปิดปั๊ม หยุดการไหลเวียนทันที เพื่อเริ่มการตกตะกอน
วิธี B (ไม่มี RECIRCULATE)
-
เปิดปั๊มบนโหมด FILTER สั้น ๆ เพียง 3–5 นาที ขณะเทรอบบ่อ → ทันที ที่เทครบ ให้ ปิดปั๊ม เพื่อไม่ให้สารเข้าสู่สื่อกรองมากเกิน
-
หรือ ปิดปั๊มไว้ แล้วเทรอบบ่อพร้อมใช้ ไม้ปาด (pool brush) กวาดน้ำวนเบา ๆ ช่วยกระจายเฉพาะผิวน้ำ
สิ่งที่ “ควรทำ/ไม่ควรทำ”
-
✅ เทรอบบ่อแบบสม่ำเสมอ ไม่เทกระจุกจุดเดียว
-
✅ ถอดอุปกรณ์กวนผิวน้ำ (สกิมเมอร์/น้ำพุ) ออกชั่วคราว
-
❌ อย่าให้สารวิ่งผ่านกรองนาน ๆ ตั้งแต่แรก (เสี่ยงอุดตัน, ประสิทธิภาพการจมลด)
Pro Tips
-
หากสระมีโซน “มุมอับน้ำ” ให้ใช้ไม้ปาดช่วยไล่น้ำให้สารเข้าไปถึง
-
อย่าเร่งแรงดัน/ดีดน้ำเพื่อกระจาย เพราะจะเกิดฟองและฟุ้งเมื่อเข้าสู่ขั้นพัก
ขั้นที่ 4: พักน้ำ 8–12 ชั่วโมง (ข้ามคืน)
เป้าหมาย: เปิดโอกาสให้อนุภาคเล็ก ๆ จับกลุ่ม–หนักขึ้น–ตกจม เป็นชั้นตะกอน
ขณะพักน้ำ
-
ปิดปั๊ม/ปิดสกิมเมอร์/ปิดเจ็ต ก่อนออกจากเครื่อง
-
หลีกเลี่ยงการกวนผิวน้ำทั้งหมด: คนลงเล่น, หุ่นยนต์ดูดสระ, ลมแรง (ถ้าเป็นไปได้ปิดกันลม/ใช้ผ้าใบคลุมหลวม ๆ)
-
ปล่อยไว้ 8–12 ชม. (กลางคืนเหมาะที่สุด)
ตอนเช้า—สิ่งที่ควรเห็น
-
ก้นสระจะมี คราบฟุ้ง ๆ สีเทา/น้ำตาล/ขาว นอนนิ่งทั่วพื้น
-
ผิวน้ำควรนิ่งและใสขึ้นอย่างชัดเจน
ถ้ายังไม่ตกดีพอ
-
ตรวจ pH ว่ายัง 7.2–7.6 ไหม
-
ถ้าขุ่นมากตั้งแต่แรก อาจต้อง ทำรอบที่ 2 ด้วยโดสต่ำ แทนการใส่หนักรอบเดียว
Pro Tips
-
ถ่ายรูป “ก่อนพัก–หลังพัก” ไว้เทียบ เป็นหลักฐานความคืบหน้า/ใช้สื่อสารกับลูกบ้าน/ลูกค้า
ขั้นที่ 5: ดูดตะกอนทิ้งแบบช้า ๆ ด้วยโหมด Waste
เป้าหมาย: นำ “ตะกอนที่จมแล้ว” ออกไปจากระบบ โดยไม่ให้วนกลับเข้าไส้กรอง
การตั้งค่า
-
วาล์วไปที่ VACUUM TO WASTE (หรือใช้ ปั๊มน้ำทิ้งแยก หากไม่มีโหมดนี้)
-
ต่อชุดดูดตะกอน: ไม้ + สาย + หัวดูด ให้แน่น
เทคนิคการดูด
-
จุ่มหัวดูดลงไปให้เต็มน้ำ ไล่อากาศออกจากสายให้หมด
-
กวาดช้า ๆ เป็นเส้นตรงขนานขอบสระ ให้หัวดูด เฉียดพื้น ไม่กดแรง
-
หลีกเลี่ยงการ “ฉีก/สะบัด” สาย → จะทำให้ตะกอนฟุ้งกลับทันที
-
หากน้ำพร่องเร็ว ให้เปิดน้ำเติม พร้อมกัน (อย่าให้ปั๊มแห้ง)
ถ้าไม่มีโหมด Waste จริง ๆ
-
ใช้ ปั๊มทิ้งแบบแช่ (submersible) ค่อย ๆ ดูดตะกอนจากพื้น
-
หรือใช้ vac-to-waste kit แบบต่อสายลงท่อทิ้งชั่วคราว
-
ทางเลือกสุดท้าย: ใช้ Clarifier รอบต่อไปเพื่อลดการทิ้งน้ำปริมาณมาก (ใส่หลายรอบแบบอัตราต่ำ + ล้างกรองถี่)
Pro Tips
-
ถังดักตะกอนแบบ “leaf canister” ต่อเข้าก่อนทางทิ้ง จะช่วยกันเศษใหญ่ ๆ เข้าไปอุดท่อ
-
เริ่มดูดจาก “ด้านที่ลมพัดพาตะกอนมากสุด” ก่อน (ตะกอนมักกองอยู่ตามทิศลม)
ขั้นที่ 6: ล้างระบบกรอง–ฟื้นสมดุล
ล้างกรอง
-
ทราย/DE: ทำ Backwash → Rinse จนค่าน้ำทิ้งชัดใส (ดูเกจ์แรงดันกลับสู่ค่าปกติ)
-
คาร์ทริดจ์: ถอดล้างด้วยน้ำแรงปานกลางจากด้านในสู่ด้านนอก ตรวจสภาพรอยฉีกขาด
-
ตรวจ แรงดันขาออก/อัตราการไหล ว่ากลับมาดีหรือยัง
ฟื้นสมดุลน้ำ
-
เติมน้ำชดเชย → ปรับ pH/TA/คลอรีน ให้เข้าช่วง
-
ถ้าทิ้งน้ำมาก ให้ตรวจ แร่ธาตุ/เกลือ (สำหรับสระเกลือ) และเติมเท่าที่จำเป็น
-
เปิดกรองต่อ 4–8 ชม. เพื่อตีวนและขัดเกลาน้ำให้ใสจัด
หมายเหตุสำหรับคาร์ทริดจ์
-
คาร์ทริดจ์ ไม่มี Waste: ควรเตรียมปั๊มทิ้ง/สายทิ้งแยก, หรือเลือกใช้ Clarifier แบบค่อย ๆ ใส เพื่อเลี่ยงทิ้งน้ำจำนวนมาก
-
ล้างคาร์ทริดจ์บ่อยขึ้นในช่วง 1–2 วันหลังการเคลียร์
Pro Tips
-
ใส่ Clarifier อัตราต่ำ หลังจากน้ำใส เพื่อยืดความใสและลดภาระกรอง
-
ตั้งตาราง Backwash/ล้างคาร์ทริดจ์ จาก “แรงดันจริง” ไม่ใช่ความถี่ตายตัว (เช่น เมื่อเกจ์สูงกว่าค่าปกติ ~20–25%)
ไทม์ไลน์ใช้งาน X-24 (ตัวอย่าง)
-
18:00 ทดสอบ–ปรับ pH/TA/FC, ช็อกคลอรีน (ถ้าน้ำเขียว)
-
19:00 ผสมสาร (PAC/สารส้ม) → เทรอบบ่อ → RECIRCULATE 20 นาที
-
19:30 ปิดปั๊ม พักน้ำข้ามคืน
-
07:30 (เช้า) ดูดตะกอนแบบ Waste ช้า ๆ พร้อมเติมน้ำ
-
09:00 Backwash/Rinse หรือ ล้างคาร์ทริดจ์ → ปรับสมดุล → เปิดกรองต่อ 4–8 ชม.
-
เย็นวันเดียวกัน น้ำใสพร้อมใช้งาน
เช็กลิสต์อุปกรณ์ก่อนเริ่ม (กันพลาด)
-
ชุดทดสอบน้ำ (pH/Cl/Alk และถ้ามี CYA)
-
ถังผสมพลาสติก, ไม้คน, ถ้วยตวง
-
สารตกตะกอน/Clarifier (และคู่มือ/ฉลาก/SDS)
-
ไม้ดูด–สาย–หัวดูด, วาล์ว 6 ทางที่มีโหมด Waste (หรือปั๊มน้ำทิ้งแยก)
-
PPE: ถุงมือยาง, แว่น, หน้ากาก (ทำงานที่โล่ง อากาศถ่ายเท)
ข้อผิดพลาดยอดฮิตเฉพาะสเต็ป (และวิธีหลีกเลี่ยง)
-
สเต็ป 1: pH ไม่เข้าเป้า → Floc ทำงานแย่, ตะกอนไม่ยอมจม → เช็ก pH ก่อนเสมอ
-
สเต็ป 2: โดสหนักเกิน → น้ำ “น้ำนม” แก้ยาก → เริ่มโดสต่ำ แล้วค่อยปรับ
-
สเต็ป 3: เปิดกรองยาว → สารเข้าไปอุดกรอง → ใช้ RECIRCULATE/ปิดปั๊มเร็ว
-
สเต็ป 4: มีลมแรง/เด็กลงเล่น → ตะกอนลอยฟุ้ง → กันลม–ห้ามกวนผิวน้ำ
-
สเต็ป 5: ดูดเร็ว/กดหัวดูดแรง → ฟุ้งกลับ → เฉียดพื้น–ช้า ๆ
-
สเต็ป 6: ไม่ Backwash/ล้างคาร์ทริดจ์ → น้ำใสไม่สุด/ไหลอั้น → ล้างจนเกจ์กลับปกติ
สรุปย่อสำหรับทีมหน้างาน (แปะผนังได้เลย)
-
ปรับ pH 7.2–7.6, TA 80–120 ppm, ถ้าน้ำเขียวให้ ช็อกคลอรีน ก่อน
-
คำนวณปริมาตรสระ → คูณโดสเริ่มต้น (ยึดฉลาก) → ผสมเจือจางในถัง
-
เทรอบบ่อ + RECIRCULATE 15–30 นาที → ปิดปั๊ม
-
พักน้ำ 8–12 ชม. (ข้ามคืน)
-
ดูดตะกอน VACUUM TO WASTE ช้า ๆ + เติมน้ำ
-
Backwash/Rinse หรือ ล้างคาร์ทริดจ์ → ปรับสมดุล → กรองต่อ 4–8 ชม. → ใสกริบ
ทำไม “Clarifier” ถึงค่อย ๆ ใส
Clarifier คือโพลิเมอร์ที่ทำหน้าที่ “เชื่อมอนุภาคจิ๋ว” (คอลลอยด์/ฝุ่นละเอียด/เศษอินทรีย์) ให้จับกลุ่มใหญ่ขึ้นพอที่ ระบบกรอง จะดักได้ มี 3 ข้อดีหลัก:
-
ไม่ต้องพักน้ำ/ไม่ต้องดูดทิ้ง → ใช้งานสระได้ตามปกติ
-
ประหยัดน้ำ → ไม่ต้องปล่อยน้ำออกเหมือนโหมด Floc
-
เหมาะกับงานบำรุงรักษา → รักษาความใสให้คงที่หลังกลับมาใสแล้ว
ใช้ Clarifier เมื่อ “เริ่มขุ่น/มีฝุ่นละเอียด/หลังใช้งานหนัก” หรือเพื่อ บำรุงรักษารายสัปดาห์ ส่วนกรณี “ขุ่นหนัก/ต้องใสด่วน” ให้ใช้ Floc + ดูดทิ้ง จะเร็วกว่า
ค่ามาตรฐานน้ำก่อนเริ่ม (Balance ให้เข้าช่วง)
การบาลานซ์น้ำที่ดีทำให้ Clarifier ทำงานเต็มประสิทธิภาพ:
-
pH: 7.2–7.6
-
Alkalinity (TA): 80–120 ppm
-
Free Chlorine: 1–3 ppm (สระบ้าน)
-
CYA (Stabilizer): 30–50 ppm (ถ้ามี)
-
อุณหภูมิ/การไหลเวียน: ปั๊มทำงานได้เต็มกำลัง ไม่มีอากาศแทรก/น้ำย้อน
ถ้า “น้ำเขียวเพราะสาหร่าย” ให้ ช็อกคลอรีนกำจัดสาหร่ายก่อน แล้วค่อยใช้ Clarifier เพื่อเก็บฝุ่นละเอียดช่วงฟื้นตัว
อัตราใช้ (Dose) ที่แนะนำเป็น “จุดเริ่มต้น”
ยึดฉลากผู้ผลิตเป็นหลัก เสมอ ตัวเลขด้านล่างเป็นแนวทางตั้งต้นเพื่อคำนวณคร่าว ๆ:
-
บำรุงรักษา (Maintenance): ~0.5–1.0 มล./ม³ ต่อครั้ง
-
กึ่งกู้สภาพ (เริ่มขุ่นให้เห็น): ~1.0–2.0 มล./ม³ ต่อครั้ง
ตัวอย่างคำนวณ สระ 8×4×1.3 ม. = 41.6 m³
-
โหมดบำรุงรักษา 0.8 มล./ม³ → ใช้ ~33 มล.
-
โหมดกึ่งกู้สภาพ 1.5 มล./ม³ → ใช้ ~62 มล.
ทิป: ดีกว่าเสมอที่จะ “เริ่มต่ำ–ทดสอบผล–ค่อย ๆ เพิ่ม” มากกว่าจัดหนักรอบเดียว ซึ่งเสี่ยงให้ “ขุ่นน้ำนม” จากโดสเกิน
ขั้นตอนใช้งานแบบละเอียด (ไม่ต้องพักน้ำ)
1) เตรียม–ทดสอบ–ปรับสมดุล
-
วัด pH/TA/คลอรีน ให้เข้าเกณฑ์ด้านบน
-
เก็บเศษใบไม้/ผงหยาบด้วยตระแกรง เพื่อลดภาระกรอง
2) ผสมเจือจางก่อนเท (สำคัญ)
-
ตวง Clarifier ตามโดส แล้ว ผสมน้ำสะอาด 5–10 เท่า ในถังพลาสติก
→ ลดความเข้มข้นเฉพาะจุด ป้องกันเกิด “เจล” ตรงตำแหน่งเท
3) กระจายรอบบ่อ + ปรับสปีดปั๊ม
-
เทรอบขอบสระให้ครบรอบ หรือเทช้า ๆ หน้าหัวดูดน้ำเข้าปั๊ม
-
ปั๊มสปีดแนะนำ:
-
2–3 ชม.แรก เปิด สปีดกลาง–สูง เพื่อกระจายทั่วบ่อ
-
ต่อจากนั้นลดเป็น สปีดต่ำ–กลาง เพื่อ “ขัดเกลา” ให้กรองจับอนุภาคเรื่อย ๆ
-
4) แปรงผนัง & ก้นสระเบา ๆ (ชั่วโมงแรก)
-
แปรงเบา ๆ เพื่อพาอนุภาคที่เกาะผิวเข้าสู่กระแสน้ำ
-
หลีกเลี่ยงการกวนแรงเกินไปจนตะกอนฟุ้งถาวร
5) เปิดปั๊มกรองต่อเนื่อง 6–12 ชม.
-
ระหว่างนี้ เฝ้าดูเกจแรงดันกรอง
-
ถ้าแรงดันขึ้น 20–25% จากค่า Clean Pressure → ถึงเวลา ล้างกรอง
-
-
ทราย/DE: Backwash → Rinse
-
คาร์ทริดจ์: ถอดล้างให้สะอาด
-
ทำซ้ำจนกว่าจะได้ความใสที่ต้องการ
6) ตรวจผล & ล้างกรองปิดงาน
-
เช็กความใสด้วย “เส้นยาแนว/กระเบื้อง” ว่ามองเห็นชัดเจนจากมุมสระ
-
ล้างกรองอีกรอบถ้ายังมีความดันค้างสูง
-
ปรับคลอรีนและ pH กลับเข้าช่วง พร้อมบันทึกโดสและผลลัพธ์ลง “สมุดบำรุงรักษา”
คำแนะนำเฉพาะตามชนิดไส้กรอง
-
ทราย (Sand): เหมาะกับ Clarifier มาก เพราะช่วย “เพิ่มประสิทธิภาพดักจับ” ของทรายละเอียดขึ้น แต่อย่าลืม Backwash ถี่ขึ้นใน 24 ชม.แรก
-
คาร์ทริดจ์ (Cartridge): จับละเอียดได้ดีอยู่แล้ว จึงมักใช้ “โดสต่ำ” และ ล้างคาร์ทริดจ์ เมื่อต้านทานสูงขึ้น
-
DE: ให้ภาพน้ำใสจัด แต่จะ อุดง่าย เมื่อใช้ Clarifier → ล้าง–อัด DE ใหม่เมื่อแรงดันขึ้น
ตารางเวลาทำงาน (ตัวอย่างที่ทำแล้วเห็นผล)
-
ชั่วโมง 0: เท Clarifier (เจือจาง) + สปีดปั๊มกลาง–สูง + แปรงเบา ๆ
-
ชั่วโมง 2–3: ลดสปีด → เฝ้าดูแรงดันกรอง
-
ชั่วโมง 6: ล้างกรองครั้งที่ 1 (ถ้าแรงดันขึ้น)
-
ชั่วโมง 12: ประเมินความใส ล้างกรอง/ปรับคลอรีน–pH
ถ้ายังไม่ใสพอ ให้ทำรอบที่ 2 ด้วย โดสเดิมหรือลดลง 20–30% ในวันถัดไป (อย่าเพิ่มแบบก้าวกระโดด)
ความถี่การใช้ (Routine ที่แนะนำ)
-
สระบ้านทั่วไป: สัปดาห์ละครั้ง ในโดสต่ำ (0.5–1.0 มล./ม³)
-
ช่วงใช้งานหนัก/หลังปาร์ตี้/ช่วงเกสร/พายุฝุ่น: เพิ่มเป็น สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ชั่วคราว
-
โรงแรม/พูลวิลล่า: กำหนด วัน Clarifier ประจำสัปดาห์ + ตรวจแรงดันกรองทุกวัน
Do / Don’t สำคัญ
Do
-
ผสมน้ำยากับน้ำสะอาดก่อนเท
-
แยก “วันช็อกคลอรีนหนัก” กับ “วัน Clarifier” ห่างกัน 24–48 ชม. เพื่อลดปฏิกิริยารบกวน
-
บันทึก: ปริมาตรสระ, โดส, ความใส, แรงดันกรอง ก่อน–หลัง → ช่วยปรับโดสให้เป๊ะขึ้น
Don’t
-
อย่าผสม Clarifier พร้อมกับ Metal Sequestrant/อัลกาไซด์บางชนิด ในถังเดียว หรือเทติด ๆ กันโดยไม่เว้นเวลา (อาจเกิดการล้มตะกอน/โฟม/อุดกรอง)
-
อย่าเทเข้าตะกร้า Skimmer พร้อมผลิตภัณฑ์อื่น (คลอรีนเม็ด/แท็บเล็ต)
-
อย่า “แก้ขุ่นหนัก” ด้วย Clarifier เพียว ๆ—ถ้าขุ่นมากจริง ให้ใช้ Floc + ดูดทิ้ง เร็วกว่าและคุ้มกว่า
การแก้ปัญหา (Troubleshooting)
-
น้ำยังหม่นหลัง 12–24 ชม.:
-
เช็ก pH/TA ให้เข้าเกณฑ์
-
ล้างกรอง (แรงดันขึ้นเกิน 20–25% หรืออัตราไหลตก)
-
ทำอีกรอบด้วย โดสเท่าเดิมหรือ +10–20% (อย่ากระโดดเกิน 2 มล./ม³)
-
-
ขุ่นน้ำนม/ฟุ้ง ๆ หลังใส่:
-
มักเกิดจากโดสเกิน/ผสมน้ำยาไม่ดี/ค่า pH หลุดช่วง → เปิดกรองต่อ ล้างกรองถี่ขึ้น + เติมน้ำบางส่วน + ปรับ pH ให้ถูก
-
-
โฟมขึ้น:
-
เคมีอื่นร่วม (เช่น อัลกาไซด์ประเภทโฟมง่าย) หรือโดสสูงเกิน → ลดโดส/เว้นช่วงการใช้หลายชนิดในวันเดียว
-
เคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพแบบง่าย ๆ
-
ใช้ Skimmer Sock/ถุงกรองเสริม ที่ตะแกรงดูดน้ำ เพื่อจับเศษละเอียดขึ้นอีกชั้น
-
ตั้ง Timer ให้ปั๊มเดินกลางคืน 4–6 ชม. ช่วงหลังใส่ใหม่ ๆ (ไฟถูกกว่า/น้ำสงบ)
-
ในสระเกลือใช้ได้ตามปกติ แต่ อย่าเทเข้าห้องเกลือโดยตรง ให้เทรอบบ่อ
กรณีใช้งานยอดฮิต (พร้อมแนวทางเฉพาะ)
1) หลังฝนตกหนัก/พายุฝุ่น
อาการหลัก: น้ำขุ่นเทา–น้ำตาล ฝุ่นโคลน/อินทรียวัตถุเยอะ ค่า pH มักแกว่ง และคลอรีนคงเหลือต่ำ
เป้าหมาย: รวบฝุ่นให้จมเร็วที่สุด โดย ไม่ให้ย้อนเข้ากรอง และไม่ทำให้ตะกอนฟุ้งซ้ำ
เลือกผลิตภัณฑ์: PAC หรือ Floc เร่งจม (โหมดพักจม)
โดสเริ่มต้นที่แนะนำ: 5–15 มก./ลิตร (5–15 กรัม/ม³) สำหรับ PAC / Floc ชนิดน้ำเข้มข้น → ทำ “รอบเบา 2 ครั้ง” ดีกว่า “หนักครั้งเดียว”
SOP ทีละขั้น
-
ทดสอบ–บาลานซ์น้ำ: pH 7.2–7.6, TA 80–120 ppm, Free Cl 2–4 ppm
-
คำนวณปริมาตรสระ (ก×ย×ลึกเฉลี่ย = m³) เพื่อคูณโดสเริ่มต้น
-
ผสมน้ำยาในถัง (ตามฉลาก) ห้ามผสมรวมกับเคมีอื่น
-
เปิดปั๊มที่โหมด Recirculate 15–30 นาที เทกระจายรอบบ่อให้ทั่ว
-
ปิดปั๊ม 8–12 ชม. (ข้ามคืน) ไม่ให้มีการกวนผิวน้ำ
-
เช้า Vacuum to Waste ช้า ๆ เติมน้ำชดเชยระหว่างดูด
-
Backwash/Rinse (ทราย/DE) หรือ ล้างคาร์ทริดจ์ แล้วเปิดกรอง 4–8 ชม.
-
ถ้ายังมีฝุ่นจาง ๆ → ทำซ้ำรอบเบา อีก 1 ครั้ง (ครึ่งโดส) แทนการ “อัดหนัก”
ทริคสำคัญ:
-
ตั้งหัวดูดให้ “เฉียดพื้น” ลดการฟุ้ง; หลีกเลี่ยงการเดิน/ใช้หุ่นยนต์ระหว่างพักจม
-
ถ้าใช้คาร์ทริดจ์และไม่มี Waste ให้เตรียม ปั๊มน้ำทิ้ง แทน
-
ฝนแรกของฤดูกาลมักอินทรียวัตถุสูง → หลังใส่ Floc ควร ล้างกรองบ่อย ช่วง 24–48 ชม.แรก
2) หลัง “ช็อกสาหร่าย”
อาการหลัก: น้ำเขียว → ทำการช็อกคลอรีนแล้ว สาหร่ายตายแตกตัวแต่น้ำยังขุ่น/เขียวอ่อน
เป้าหมาย: เก็บ “เศษซากสาหร่าย” ที่เล็กมากให้จมและออกจากระบบให้ไว
เลือกผลิตภัณฑ์: Floc/PAC โหมดพักจม (หลังช็อก)
โดสเริ่มต้นที่แนะนำ: 5–10 มก./ลิตร (5–10 กรัม/ม³) ก็เพียงพอในหลายเคส
SOP ทีละขั้น
-
ทำ ช็อกคลอรีน ตามฉลาก/ตามตาราง CYA ให้สาหร่ายตายก่อน
-
รอให้คลอรีนคงเหลือ ลดลงสู่ระดับใช้งาน (ราว 2–5 ppm) และปรับ pH 7.2–7.6
-
ผสม Floc/PAC ให้พร้อม เทกระจาย Recirculate 15–20 นาที
-
ปิดปั๊ม 8–12 ชม. ให้ซากสาหร่ายตกจม
-
Vacuum to Waste ช้า ๆ เติมน้ำชดเชย
-
ล้างกรองและปรับสมดุล (คลอรีน/พีเอช/อัลคาไลนิตี) จนคงที่
-
คงสภาพความใส: เติม Clarifier อ่อน ๆ สัปดาห์ละครั้ง + กรองเพียงพอ (6–8 ชม./วัน)
อย่าพลาด:
-
ถ้าช็อกไม่พอ/สาหร่ายยังมีชีวิต → Floc จะ “จับสาหร่ายเป็นก้อน” ชั่วคราว แล้วมันฟื้น
-
หลีกเลี่ยงโดสหนักหลังช็อกทันที เพราะอาจทำให้น้ำ “ขุ่นน้ำนม” จากพอลิเมอร์ส่วนเกิน
สำหรับสระเกลือ: เช็กค่าเกลือและตั้งคลอรีเนเตอร์ให้ผลิตคลอรีนพอหลังการกู้สภาพ 24–48 ชม.
3) น้ำติดสีชา/น้ำตาล (สงสัยโลหะ/แทนนิน)
อาการหลัก: น้ำใสแต่มี “สีชา/น้ำตาลอำพัน” (มักมาจากน้ำบาดาล/ใบไม้/แทนนิน หรือเหล็ก–แมงกานีสละลาย)
เป้าหมาย: จัดการโลหะละลายไม่ให้ “ตกคราบ” และค่อย ๆ กรองออก/ทำให้ใสแบบคุมเสี่ยง
เลือกผลิตภัณฑ์:
-
ขั้นแรก: Metal Sequestrant (พวก HEDP/ฟอสโฟเนต) จับโลหะให้อยู่ในรูปคีเลต → ลดคราบ
-
ขั้นถัด: Clarifier อัตราต่ำ เพื่อช่วยกรอง / หรือ Floc เฉพาะเมื่อโลหะละลายลดลงแล้ว
โดสเริ่มต้นที่แนะนำ:
-
Sequestrant: ตามฉลาก (มักอิง “ppm ของโลหะ”) → ให้ทั่วบ่อ
-
Clarifier: 0.5–1 มล./ม³ ต่อรอบ (เริ่มต่ำก่อน)
SOP ทีละขั้น
-
ทดสอบ pH/TA/Cl แล้วปรับ pH 7.2–7.6
-
เติม Sequestrant ให้ทั่วบ่อ เปิดกรองต่อเนื่อง 24–48 ชม.
-
เมื่อสีเริ่มจาง → เติม Clarifier ต่ำ ๆ เพื่อช่วยให้กรองเก็บได้ดีขึ้น
-
ล้างกรองตามความดัน/อัตราไหล (อย่ารอให้ตัน)
-
ทำซ้ำ Sequestrant บำรุงรักษา ตามฉลาก (โลหะจะค่อย ๆ ถูกกักและกรอง/ทดแทนน้ำออก)
ข้อควรระวังสำคัญ:
-
อย่ารีบ Floc ตอนโลหะละลายยังสูง → เสี่ยงเกิด “คราบสนิม/ดำ” บนผิวกระเบื้อง/ไฟเบอร์/สแตนเลส
-
หลีกเลี่ยงช็อกคลอรีนแรง ๆ ช่วงแรกหลังใส่ Sequestrant เพราะคลอรีนสูงจะเร่งสลายสารจับโลหะ
-
ถ้ามีแหล่งน้ำเติมที่มีโลหะสูง → พิจารณา พรีฟิลเตอร์/คาร์บอน/เมทราเล็กซ์ ที่จุดเติม
4) ฝุ่นงานก่อสร้าง/ปูนซีเมนต์
อาการหลัก: ฝุ่นอนินทรีย์ละเอียดมาก น้ำขุ่นขาว pH มัก “สูง” เพราะเถ้าปูน
เป้าหมาย: ลด pH เข้าช่วงทำงานของ Floc แล้วรวบฝุ่นให้จมในคืนเดียว
เลือกผลิตภัณฑ์: PAC โหมดพักจม (ควบคุม pH ก่อน)
โดสเริ่มต้นที่แนะนำ: 8–15 มก./ลิตร (8–15 กรัม/ม³) แล้วประเมินผล
SOP ทีละขั้น
-
ปรับ pH ลงสู่ 7.2–7.4 (ใช้กรดตามฉลาก ค่อย ๆ ใส่–ทดสอบซ้ำ)
-
คำนวณปริมาตรสระและเตรียมสารในถัง
-
กระจายสารด้วย Recirculate 15–30 นาที ให้ทั่วบ่อ
-
ปิดปั๊ม 8–12 ชม. รอจม
-
Vacuum to Waste แบบช้า ๆ เติมน้ำชดเชย
-
Backwash/Rinse หรือ ล้างคาร์ทริดจ์ แล้วเปิดกรองต่อเนื่อง 4–8 ชม.
-
ถ้ายังมีฝุ่นบาง ๆ แขวนลอย → เติม Clarifier เบา ๆ ในวันถัดไปเพื่อช่วยกรอง
ข้อควรเลี่ยง:
-
อย่าใส่ Floc ตอน pH > 7.8–8.0 (ปูนดัน pH) เพราะประสิทธิภาพจะตกมาก
-
อย่าใช้หัวดูดกดพื้นแรง ๆ กับฝุ่นปูน—มันฟุ้งง่ายมาก ให้ “ลากช้า–เฉียดพื้น”
ตารางสรุปเร็ว (ใช้อ้างอิงหน้างาน)
เคส | ผลิตภัณฑ์หลัก | โหมด | โดสเริ่มต้น (อิงต่อ m³) | คีย์ขั้นตอนสำคัญ |
---|---|---|---|---|
หลังฝน/พายุฝุ่น | PAC / Floc | พักจม | 5–15 กรัม | Recirculate 15–30 นาที → ปิดปั๊ม 8–12 ชม. → Vacuum to Waste |
หลังช็อกสาหร่าย | Floc/PAC | พักจม | 5–10 กรัม | ช็อกให้ตายก่อน → ปรับ pH 7.2–7.6 → พักจม → ดูดทิ้ง |
น้ำสีชา/น้ำตาล | Sequestrant → Clarifier | กรองต่อเนื่อง | ตามฉลาก / 0.5–1 มล. | จับโลหะก่อน → หลีกเลี่ยง Floc ช่วงโลหะสูง → ล้างกรองถี่ |
ฝุ่นปูน/ก่อสร้าง | PAC | พักจม | 8–15 กรัม | กด pH ลง 7.2–7.4 ก่อน → พักจม → ดูดทิ้ง → ล้างกรอง |
หมายเหตุโดส: เป็น “จุดเริ่มต้น” เพื่อเทสหน้างาน—ยึดฉลากผู้ผลิตเป็นหลัก แล้วปรับเพิ่ม/ลดตามผลจริง, ระบบกรอง, และระดับความขุ่น
เช็กลิสต์ Do & Don’t (ใช้ได้กับทุกเคส)
Do
-
วัดปริมาตรสระให้แม่น → โดสแม่น
-
คุม pH 7.2–7.6 ก่อนใช้ Floc/PAC
-
ใช้ Recirculate กระจายสาร แล้ว ปิดปั๊ม ให้จม
-
ดูดทิ้งด้วย Waste ช้า ๆ และเติมน้ำชดเชย
-
Backwash/ล้างคาร์ทริดจ์ หลังงานทุกครั้ง
Don’t
-
อย่าอัดโดสหนักครั้งเดียว (เสี่ยงขุ่นน้ำนม/ฟุ้งซ้ำ)
-
อย่าดูดเร็ว–กดหัวดูดแรง (ทำให้ฝุ่นลอยใหม่)
-
อย่าผสมสารเคมีต่างชนิดในถังเดียว
-
อย่าทิ้งน้ำลงพื้นที่ต้องห้าม/ไม่ปลอดภัย (วางแผนทางน้ำทิ้ง)
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย (และวิธีเลี่ยง)
-
ใส่โดสเกิน: น้ำอาจ “ขุ่นน้ำนม” จากพอลิเมอร์/อะลูมิเนียมเกิน → แก้โดย หยุดใส่ เปิดกรอง + ล้างกรองถี่ขึ้น/เปลี่ยนน้ำบางส่วน
-
ไม่ปิดปั๊มตอน Floc: อนุภาคยังลอยฟุ้ง ไม่ยอมจม → ต้องพักน้ำให้พอ
-
ดูดเร็วเกิน/ลากหัวดูดแรง: ตะกอนฟุ้งกลับขึ้น → ใช้ความเร็วต่ำและ “เฉียดพื้น”
-
ไม่บาลานซ์ pH/Alk ก่อนใส่: ทำให้ประสิทธิภาพตกและสิ้นเปลือง
-
ลัดขั้นตอนช็อกสาหร่าย: ถ้า “เขียวเพราะสาหร่าย” ต้องฆ่ามันก่อน ไม่อย่างนั้นจะแค่จับ “สาหร่ายที่ยังมีชีวิต” ให้จม แล้วฟื้นคืน
-
ปล่อยให้น้ำทิ้งไหลเข้าพื้นที่ไม่เหมาะสม: วางแผนทางน้ำทิ้งให้ถูกกฎหมายและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม
ต้นทุนแบบคิดเป็น “ครั้งกู้สภาพ” (ช่วยตัดสินใจคุ้มค่า)
-
คิดจาก: (ค่าน้ำยา + ค่าน้ำทิ้ง/เติม + เวลาแรงงาน + ล้างกรอง) หารด้วย “จำนวนวันน้ำใสจริง”
-
หลายกรณี PAC โหมด Floc ให้ “ความใสเร็ว” ลดเวลาหยุดใช้สระ จึงคุ้มในแง่โอกาสใช้งาน แม้มีค่าน้ำทิ้ง/เติม
การดูแลหลังกลับมาใส (ป้องกันไม่ให้กลับมาขุ่น)
-
รักษา Free Chlorine ให้อยู่ในช่วงแนะนำ, pH คงที่
-
ตั้งเวลาปั๊มอย่างน้อย 6–8 ชม./วัน (มากน้อยขึ้นกับขนาดปั๊มและโหลดสิ่งสกปรก)
-
ล้างกรองตามความดัน/อัตราการไหลจริง ไม่ใช่ตามความรู้สึก
-
เติม Clarifier อัตราต่ำ ทุก 1–2 สัปดาห์ เพื่อช่วยให้กรองทำงานง่าย
-
หลีกเลี่ยงใบไม้/ฝุ่นลงสระ ใช้ตาข่ายและชุดพื้นฐานดูแลผิวน้ำ
ความปลอดภัยและข้อกฎหมาย (สำคัญมาก)
-
ใส่ ถุงมือ/แว่น/หน้ากาก และผสมในที่โล่ง
-
ห้ามผสมเคมีต่างชนิดในถังเดียว (โดยเฉพาะ คลอรีนเข้มข้น กับสารอินทรีย์)
-
เก็บในที่แห้ง เย็น พ้นมือเด็กและสัตว์
-
หากกระเด็นเข้าตา/ผิว ให้ล้างน้ำสะอาดจำนวนมากและปรึกษาแพทย์ พร้อมนำฉลาก/SDS
ตัวอย่าง SOP ฉบับ 1 หน้า (สรุปย่อพร้อมใช้)
-
ทดสอบ–บาลานซ์น้ำ: pH 7.2–7.6, TA 80–120 ppm
-
ถ้าน้ำเขียว: ช็อกคลอรีนก่อน
-
คำนวณปริมาตรสระ → คูณโดสเริ่มต้น (ยึดฉลาก)
-
ผสมเจือจาง ตามชนิดผลิตภัณฑ์
-
RECIRCULATE 15–30 นาที เพื่อกระจาย (หรือเทรอบบ่ออย่างมีแบบแผน)
-
ปิดปั๊ม 8–12 ชม. รอจม
-
Vacuum to Waste ช้า ๆ เติมน้ำชดเชย
-
ล้างกรอง–ฟื้นสมดุล เปิดกรอง 4–8 ชม.
-
ดูแลต่อเนื่อง: Clarifier อัตราต่ำ/ล้างกรองตามสภาพ
-
(0)
ชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ Astral Pool Cleaning Kits
5,000 ฿ – 5,800 ฿Price range: 5,000 ฿ through 5,800 ฿
-
(0)
ถังกรองทราย Emaux MFV Series (Top Mount)
6,400 ฿ – 20,400 ฿Price range: 6,400 ฿ through 20,400 ฿
-
-
(0)
หุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ ไร้สาย Dolphin LIBERTY 400
77,000 ฿Original price was: 77,000 ฿.72,000 ฿Current price is: 72,000 ฿. -
(0)
หุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำอัตโนมัติ DOLPHIN M400
78,000 ฿Original price was: 78,000 ฿.64,100 ฿Current price is: 64,100 ฿. -
(0)
หุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำอัตโนมัติ DOLPHIN M600
98,440 ฿Original price was: 98,440 ฿.91,900 ฿Current price is: 91,900 ฿. -
(0)
หุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำอัตโนมัติ DOLPHIN M700
127,330 ฿Original price was: 127,330 ฿.117,700 ฿Current price is: 117,700 ฿.
หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการสร้างสระว่ายน้ำที่มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ และดูแลเราพร้อมให้คำแนะนำและบริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงการดูแลรักษาสระ เพื่อให้คุณได้สระว่ายน้ำที่สมบูรณ์แบบและใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!
บริษัท เวิลด์พูลส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
- 261/5 ถ.มหิดล ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
- 053-204 446-7
- 095-6815757
- ไลน์ไอดี : @worldpools
- FaceBook Page : World Pools สร้างสระว่ายน้ำ เชียงใหม่ อุปกรณ์สระ สระว่ายน้ำ ซ่อมสระ ดูแลสระ
- worldpoolscnx@gmail.com