วิธีเลือก Fittings สระว่ายน้ำ ให้เหมาะกับระบบกรองและปั๊มของคุณ

ทำไมการเลือก fittings สระว่ายน้ำจึงสำคัญ?

fittings สระว่ายน้ำ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เชื่อมโยงระบบทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตั้งแต่การดูดน้ำจากสระ การกรอง การจ่ายน้ำกลับ รวมถึงการระบายน้ำออกสระ โดย fittings มีหน้าที่หลัก 3 ประการคือ:

1. เชื่อมต่อระบบไฮดรอลิก (Hydraulic System Integration)
   fittings เปรียบเสมือนจุดต่อระหว่างท่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ปั๊ม, sand filter, heater, chlorinator, UV system, และอุปกรณ์ dosing system หาก fittings ไม่เข้ากับอุปกรณ์แต่ละชนิดจะเกิดปัญหาการติดตั้งรั่วซึม และทำให้ระบบไม่สามารถเดินงานได้สมบูรณ์

2. ควบคุมทิศทางการไหลของน้ำ (Flow Direction Control)
   fittings ที่ออกแบบมาสำหรับสระว่ายน้ำจะช่วยจัดทิศทางของ flow rate ให้เหมาะสม เช่น หัวจ่ายน้ำ (return jet) สามารถปรับมุมเพื่อสร้าง circulation flow ให้แรงดันน้ำพาเศษฝุ่นเข้าหา main drain หรือ skimmer ได้รวดเร็วขึ้น ส่งผลต่อความสะอาดและการหมุนเวียนของคลอรีนในทุกจุดของสระ

3. สร้างความปลอดภัยและความทนทาน (Safety & Durability)
   fittings ที่ได้มาตรฐานจะผลิตจากวัสดุทนสารเคมี เช่น PVC-U, ABS หรือสแตนเลส 316 ป้องกันสนิมและการแตกร้าวจากแรงดันน้ำหรือ UV แสงแดด ลดความเสี่ยงการรั่วซึมหรือแตกเสียหายที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่อผู้ใช้งาน

ผลกระทบหากเลือก fittings ไม่เหมาะสม

การเลือก fittings ไม่เหมาะสมอาจสร้าง ผลเสียในหลายมิติ ได้แก่:

• เกิดแรงดันตก (Pressure Drop) ในระบบ
  fittings ที่มีขนาดเล็กหรือออกแบบไม่เหมาะกับ flow rate จะสร้างแรงต้านทาน ทำให้ปั๊มต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อผลักดันน้ำให้ไหลผ่าน fittings เหล่านั้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานและค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

• อัตราการหมุนเวียนน้ำ (Turnover Rate) ต่ำกว่ามาตรฐาน
  ระบบกรองสระว่ายน้ำต้องหมุนเวียนน้ำในปริมาณทั้งหมดของสระอย่างน้อยทุก 4-6 ชั่วโมง (แล้วแต่ขนาดและมาตรฐานของสระ) หาก fittings ไม่สามารถรับ flow rate ได้เต็มที่ ระบบจะหมุนเวียนน้ำไม่ทันตามเวลาที่กำหนด ทำให้น้ำไม่สะอาดเพียงพอ

• น้ำหมุนเวียนไม่ทั่วสระ
  หัวจ่ายน้ำกลับที่มีขนาดเล็กเกินไปหรือปรับทิศทางไม่ได้ จะทำให้การไหลของน้ำเป็นเส้นตรงและกระจุกอยู่มุมใดมุมหนึ่ง เศษฝุ่นและคลอรีนอาจไม่กระจายทั่วสระ ส่งผลต่อคุณภาพน้ำและสุขอนามัยของผู้ใช้งาน

• อายุการใช้งานของปั๊มและระบบกรองสั้นลง
  เนื่องจากปั๊มต้องทำงานหนักจากการที่ fittings มีแรงดันตกสูง จึงเกิดความร้อนสะสมในมอเตอร์ปั๊ม ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง ต้องบำรุงรักษาบ่อย หรือเกิดค่าใช้จ่ายซ่อมแซมที่ไม่จำเป็น

• การรั่วซึมหรือแตกร้าวของ fittings
  หากใช้วัสดุ fittings ไม่เหมาะสม เช่น PVC เกรดต่ำ ไม่ทนคลอรีนหรือแรงดัน อาจทำให้ fittings แตก รั่ว หรือเสียหายระหว่างการใช้งาน เกิด downtime ของสระว่ายน้ำและสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ (ในกรณีสระ commercial)

สรุปความสำคัญของการเลือก fittings สระว่ายน้ำ

การเลือก fittings สระว่ายน้ำที่ถูกต้องและเหมาะสม เป็นสิ่งจำเป็น เพราะ fittings คือหัวใจสำคัญในการ:

• รักษาประสิทธิภาพของระบบกรอง ให้ทำงานได้เต็มที่

• รักษา flow rate ให้คงที่ ไม่ตกจนเกิดปัญหาการหมุนเวียนน้ำ

• ยืดอายุการใช้งานของปั๊มและอุปกรณ์ทั้งหมดในระบบ

• ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการซ่อมบำรุงในระยะยาว

ดังนั้น ก่อนเลือก fittings ทุกครั้ง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านงานระบบสระว่ายน้ำเพื่อคำนวณขนาดท่อ flow rate และอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณอย่างแท้จริง

เลือก fittings สระว่ายน้ำตาม Flow Rate ของปั๊ม

Flow rate (อัตราการไหล) คือ ปริมาณน้ำที่ปั๊มสามารถดูดและจ่ายได้ต่อชั่วโมง เช่น 15,000 L/hr หรือ 20 m³/hr ซึ่ง flow rate มีผลโดยตรงต่อ:

• ความเร็วในการกรองน้ำ (Turnover Rate)

• ประสิทธิภาพการดูดตะกอนในสระ

• ความสามารถของระบบฆ่าเชื้อ (Chlorination) เนื่องจากน้ำหมุนเวียนเร็ว จะกระจายคลอรีนได้ทั่วถึง

• อายุการใช้งานของปั๊ม หากเลือก fittings ไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดแรงดันตกสูง ปั๊มต้องทำงานหนักเกินกำลัง

หลักการเลือก fittings ตาม flow rate

ตรวจสอบ flow rate ของปั๊มและ sand filter ที่คุณใช้

• ปั๊มแต่ละรุ่นจะมี specification flow rate (m³/hr) ระบุไว้ใน nameplate หรือ datasheet เช่น 10 m³/hr @ 8 m head

• sand filter ต้องมี flow rate ที่สามารถรับได้มากกว่าหรือเท่ากับ flow rate ของปั๊ม เช่น หากปั๊ม 15 m³/hr sand filter ควรมี max flow rate 15-20 m³/hr เพื่อให้การกรองมีประสิทธิภาพ

เลือก fittings ที่สามารถรองรับ flow rate ได้มากกว่าหรือเท่ากับปั๊ม เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิด bottleneck หรือคอขวดในระบบ

• fittings ที่มี Internal Diameter (ID) เล็กเกินไป จะเพิ่มแรงต้านทานการไหล (Head Loss) ทำให้ flow rate ลดลงจาก spec ของปั๊ม

• fittings ควรมี flow capacity ที่ระบุใน datasheet หากไม่มี ควรตรวจสอบกับ supplier ว่าเหมาะกับ flow rate ของคุณหรือไม่

• สำหรับหัวจ่าย (inlet jets) ควรเลือกแบบที่ปรับทิศทางได้ และมีขนาดรูเจ็ทเหมาะสม เพื่อให้ flow กระจายทั่วสระโดยไม่สร้างแรงดันน้ำสูงเกินจุดเดียว

คำนวณจำนวน fittings ให้เหมาะกับ flow rate ของปั๊ม

ตัวอย่าง: หากปั๊มของคุณมี flow rate 15 m³/hr และคุณใช้หัวจ่าย inlet jets 3 หัว

• flow rate ต่อหัวจ่าย = 15 m³/hr ÷ 3 = 5 m³/hr

• ตรวจสอบว่า inlet jet แต่ละหัว สามารถรองรับ flow rate 5 m³/hr ได้หรือไม่
  หากหัวจ่ายรับได้น้อยกว่า จะทำให้เกิดแรงดันตก หรือ jet pressure สูงเกินไป

พิจารณาความเร็วการไหลในท่อ (Velocity)

• ความเร็วการไหลในท่อส่งกลับ (return line) ควรอยู่ที่ 1.5-2 m/s เพื่อป้องกันแรงดันตกมากเกินไป

• ในท่อดูด (suction line) ความเร็วควรต่ำกว่า 1.5 m/s เพื่อป้องกัน cavitation หรือเกิดฟองอากาศในปั๊ม

• ดังนั้น fittings ต้องมีขนาด diameter ที่เหมาะสมเพื่อรักษา velocity ในช่วงนี้

Tip: ใช้ fittings ที่มี Internal Diameter (ID) กว้างพอสมควรเพื่อลดแรงเสียดทานและแรงดันตก (friction loss)

• หากคุณเลือก fittings ที่ ID เล็ก จะทำให้เกิด friction loss มากขึ้น
  ส่งผลให้ Total Dynamic Head (TDH) ของระบบเพิ่มขึ้น
  ปั๊มจะต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อจ่าย flow rate เท่าเดิม

• หากต้องเดินท่อระยะไกล หรือมี bends/fittings หลายจุด ควรเลือก fittings ขนาดใหญ่ขึ้น 1 step เพื่อชดเชย head loss

ตัวอย่างการเลือก fittings ตาม flow rate

ผลเสียหากเลือก fittings ไม่เหมาะกับ flow rate

• Flow rate ลดลง น้ำหมุนเวียนช้า คุณภาพน้ำแย่

• ปั๊มทำงานหนัก สิ้นเปลืองพลังงาน

• เกิดเสียงในท่อเนื่องจาก turbulence flow

• สาย suction เกิด cavitation หาก fittings ด้าน suction side เล็กเกินไป

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

• สำหรับงานออกแบบระบบกรอง commercial pool ควรใช้ Hydraulic calculation software หรือ consult กับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือก fittings ทุกจุดให้สอดคล้องกับ flow rate และแรงดันของปั๊ม

เลือก fittings ให้เหมาะกับ Pipe Size (ขนาดท่อ)

ทำไม Pipe Size ถึงสำคัญ?

การเลือก fittings ให้ตรงกับ pipe size (ขนาดท่อ) มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ:

• หาก fittings เล็กเกินไป จะเกิด แรงดันตก (pressure loss) ในระบบ ทำให้ปั๊มต้องทำงานหนักขึ้น สิ้นเปลืองพลังงาน และอาจลดอายุการใช้งานของปั๊ม

• หาก fittings ใหญ่เกินไป อาจทำให้ flow rate ลดลง เพราะความเร็วการไหลของน้ำในท่อลดต่ำ จนเกิด dead spot หรือจุดที่น้ำหมุนเวียนไม่ถึง ส่งผลต่อคุณภาพน้ำในสระ

• ขนาด fittings ไม่ตรงกับท่อ จะทำให้ ติดตั้งยาก เกิดปัญหารั่วซึม (leakage) หรือไม่สามารถประกอบเข้าระบบได้

ขนาดท่อ PVC/UPVC ที่นิยมใช้ในสระว่ายน้ำ

1. 1.5 นิ้ว (48 mm OD)
   เหมาะกับระบบกรองสระขนาดเล็ก เช่น สระบ้านพักอาศัยหรือสระเด็ก

2. 2 นิ้ว (60 mm OD)
   ใช้สำหรับสระขนาดกลางถึงใหญ่ เช่น สระบ้านขนาดมาตรฐาน 3×7 เมตร หรือ 4×10 เมตร ที่ต้องการ flow rate สูงขึ้น

3. 2.5 นิ้ว (75 mm OD) หรือ 3 นิ้ว (90 mm OD)
   ใช้กับสระ commercial, สระโรงแรม, สระแข่งขัน หรือระบบที่ใช้ปั๊ม flow rate สูงเกิน 20 m³/hr

4. มากกว่า 3 นิ้ว (4 นิ้วขึ้นไป)
   มักใช้ในระบบ balancing tank, overflow, backwash line ของ sand filter ขนาดใหญ่ หรือในสระ Olympic

วิธีเลือก fittings ตามขนาดท่ออย่างถูกต้อง

1. ตรวจสอบ pipe size ของระบบกรองและท่อ suction/discharge ทั้งหมด

   • ดูจาก spec sheet ของปั๊มและ sand filter

   • ตรวจสอบที่ sticker หรือ label บนท่อ PVC จะมีระบุขนาด (เช่น 2″ SCH40 หรือ 63 mm PN10)

2. เลือก fittings ที่มีขนาด connection (thread หรือ socket) ตรงกับท่อ

   • หากท่อเป็น socket joint ให้เลือก fittings ที่เป็น socket หรือมี adaptor

   • หากท่อเป็น thread joint (เกลียว) ให้เลือก fittings ที่มี thread แบบเดียวกัน (BSP หรือ NPT)

3. พิจารณา fittings ที่มี reducer หรือ adaptor หากต้องการเชื่อมกับท่อคนละขนาด

   • ตัวอย่าง: หาก outlet ของ pump เป็น 2.5″ แต่ท่อ main line เป็น 2″ ต้องใช้ reducing bush หรือ adaptor 2.5″x2″ เพื่อแปลงขนาดให้พอดี

   • สำหรับระบบที่เปลี่ยน pipe size ใน flow line ต้องใช้ reducing tee หรือ reducing coupling เพื่อให้ flow rate และแรงดันคงที่

4. ตรวจสอบมาตรฐานขนาด fittings

   • ANSI standard (Schedule 40/80) มาตรฐานอเมริกา ใช้หน่วยนิ้ว

   • DIN standard (PN10/16) มาตรฐานยุโรป ใช้หน่วยมิลลิเมตร

   • หากเลือกผิดมาตรฐาน ถึงแม้ระบุเท่ากัน เช่น 2 นิ้ว ANSI และ 63 mm DIN ก็จะ ไม่สามารถประกอบเข้าด้วยกันได้พอดี

5. ตรวจสอบ pressure rating ของ fittings

   • Fittings ต้องรับแรงดันได้เท่ากับหรือสูงกว่า operating pressure ของระบบกรอง

   • โดยทั่วไป PN10 เพียงพอสำหรับสระว่ายน้ำบ้าน แต่สระ commercial อาจต้องใช้ PN16 หรือ PN20

ตัวอย่างการเลือก fittings ให้เหมาะสม

• กรณีที่ 1: ปั๊ม 2HP, sand filter ขนาด 24″, ใช้ท่อ 2″ PVC SCH40

  • เลือก inlet/outlet fitting ขนาด 2″ socket สำหรับท่อ main line

  • หากต้องติดตั้ง ball valve ให้เลือก ball valve 2″ SCH40 พร้อม union connection

• กรณีที่ 2: ระบบ overflow line ใช้ท่อ 3″ UPVC PN10

  • เลือก fittings overflow หรือ drainage fitting ขนาด 3″ socket PN10 หรือ PN16 เพื่อความปลอดภัย

• กรณีที่ 3: ต้องเชื่อม outlet 2.5″ ของปั๊มเข้าสู่ท่อ main line 2″

  • ใช้ reducing adaptor หรือ bush 2.5″x2″ ที่เป็น standard ANSI Schedule 40

Tip สำคัญ

ใช้ fittings ที่เป็น standard ANSI หรือ DIN แท้จากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ เพื่อ:

• ให้เข้ากับข้อต่อ PVC ได้อย่างแน่นหนา

• ลดความเสี่ยงการแตกหักหรือรั่วซึมจากแรงดัน

• ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว ประหยัดเวลาในการต่อระบบ

Compatibility กับระบบกรองสระว่ายน้ำ (Sand Filter และ Pump)

fittings ระบบกรองสระว่ายน้ำ ต้องออกแบบและเลือกให้ เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับอุปกรณ์หลัก ได้แก่ sand filter และ pump เพื่อให้การติดตั้งปลอดภัย ไม่รั่วซึม และไม่ทำให้เกิดแรงดันตกหรือแรงเสียดทานเกินจำเป็น

ทำไมจึงต้องเลือก fittings ที่ compatible

หาก fittings ไม่ตรงกับ spec หรือ type ของ sand filter และ pump อาจเกิดปัญหา เช่น:

• รั่วซึม (Leakage) ที่จุดต่อ thread หรือ union เพราะเกลียวไม่ตรงมาตรฐาน

• แรงดันตก (Pressure drop) ทำให้อัตราการไหล (flow rate) ลดลง

• cavitation ใน pump เพราะ suction side fittings เล็กเกินไป

• เสียหายต่อ multiport valve หากใช้ fittings ที่มี pressure rating ต่ำเกินไป

วิธีตรวจสอบ compatibility fittings กับ sand filter และ pump

1. ตรวจสอบขนาด port ของ sand filter และ pump

• ดูที่ inlet/outlet port size ซึ่งระบุใน datasheet หรือ nameplate ของอุปกรณ์

• ส่วนใหญ่ sand filter multiport valve จะมีขนาด 1.5 นิ้ว, 2 นิ้ว หรือ 2.5 นิ้ว

• pump suction/discharge port อาจใช้ขนาดเดียวกันหรือใหญ่กว่าหนึ่ง step สำหรับ flow rate สูง

ตัวอย่าง:
Pump flow rate 15 m³/hr อาจใช้ suction/discharge 2 นิ้ว
Sand filter ที่รองรับ flow rate นี้ อาจใช้ multiport valve ขนาด 1.5-2 นิ้ว

2. ตรวจสอบชนิดเกลียว (Thread type) ของ fittings

• BSP Thread (British Standard Pipe)
  เป็นมาตรฐานเกลียวที่ใช้ทั่วไปในเอเชียและยุโรป เช่น fittings PVC, ABS ในไทยส่วนใหญ่เป็น BSP

• NPT Thread (National Pipe Thread)
  มาตรฐานอเมริกาและแคนาดา ใช้ใน pump หรือ sand filter บางแบรนด์จาก USA

หากเลือก fittings ที่เกลียวไม่ตรง type จะทำให้:

• ไม่สามารถขันให้แน่น

• รั่วซึมแม้ใช้เทปพันเกลียว (Teflon tape)

• เกลียวเสียหายเมื่อ force ไม่ตรงรูปแบบ

3. ตรวจสอบ Union หรือ Adapter Fittings

บางระบบจะใช้ union fittings เพื่อให้ถอดประกอบง่ายสำหรับการซ่อมบำรุง (maintenance) เช่น:

• Pump union ติดที่ suction และ discharge ของ pump

• Sand filter union ติดที่ multiport valve เพื่อเปลี่ยนทรายกรองหรือ service ได้สะดวก

Tip: เลือก union ที่มี O-ring ในตัว จะช่วยป้องกันการรั่วซึมและทนแรงดันได้ดีกว่าการใช้ fitting เกลียวล้วน

4. ตรวจสอบ Pressure Rating (PN) ของ fittings

PN (Pressure Nominal) หรือ Working Pressure ของ fittings ต้อง:

• เท่ากับหรือสูงกว่า operating pressure ของระบบกรอง

• Multiport valve ส่วนใหญ่มี operating pressure ประมาณ 2.5 – 3 bar (36 – 43 psi) แต่เพื่อความปลอดภัย ให้เลือก fittings PN10 (10 bar) ขึ้นไปสำหรับระบบสระว่ายน้ำทั่วไป

ตัวอย่าง:

• หาก multiport valve rated at 3 bar ใช้ fittings PN6 อาจเสี่ยงแตกหรือรั่วเมื่อมี pressure surge

5. ตรวจสอบวัสดุ fittings ให้ compatible กับสารเคมีในสระ

• PVC-U / ABS fittings เหมาะสำหรับระบบที่มีคลอรีนทั่วไป

• สแตนเลส 316 fittings เหมาะกับสระน้ำเกลือ หรือระบบ commercial ที่มีแรงดันและอุณหภูมิสูง

• หลีกเลี่ยง fittings เหล็กชุบสังกะสี เพราะไม่ทน chemical corrosion

Tip: fittings บางรุ่นมี O-ring ในตัว

O-ring ช่วยให้:

• ประกอบง่าย ไม่ต้องพันเทปเกลียวหลายรอบ

• ถอดบำรุงรักษา (service) ได้รวดเร็ว โดยเฉพาะ pump suction/discharge union

• ลดโอกาสการรั่วซึมในระบบแรงดันสูง

เคล็ดลับการเลือก fittings ระบบกรองสระว่ายน้ำ ให้ใช้งานได้ยาวนาน

• ซื้อจากผู้ผลิตหรือ distributor ที่มี spec sheet ชัดเจน

• เลือก fittings ที่มี มาตรฐานรับรอง (ANSI, DIN, ISO)

• ตรวจสอบการรับประกันสินค้า (warranty) โดยเฉพาะ union และ multiport valve fittings

---

เลือกตามตำแหน่งติดตั้ง fittings ในสระว่ายน้ำ

การเลือก fittings ตาม ตำแหน่งติดตั้งในสระว่ายน้ำ มีความสำคัญมาก เพราะแต่ละจุดมีหน้าที่แตกต่างกัน หากเลือกไม่เหมาะสมอาจกระทบทั้งระบบกรอง น้ำหมุนเวียนไม่ดี ปั๊มทำงานหนัก หรือไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

ตำแหน่งหลักของ fittings สระว่ายน้ำ

1. Main Drain (ท่อดูดจากพื้นสระ)

หน้าที่:
ดูดน้ำจากก้นสระเข้าสู่ปั๊ม เพื่อหมุนเวียนน้ำเข้าสู่ระบบกรอง หรือใช้เป็นจุดดูดตะกอนหนักที่ตกลงพื้นสระ เช่น ทราย เศษหิน ฝุ่นละเอียด

ข้อควรพิจารณาในการเลือก Main Drain:

• เลือก main drain ที่มี anti-vortex cover เพื่อป้องกันอันตรายจากแรงดูดที่อาจดูดร่างกายผู้ว่ายน้ำจนเป็นอันตราย โดยเฉพาะเด็ก

• เลือก main drain ที่มี flow rate capacity เหมาะสมกับปั๊ม ปกติจะระบุไว้ใน datasheet ของผู้ผลิต

• วัสดุควรเป็น ABS หรือ PVC-U ที่ทนคลอรีน และ UV degradation

Tip: สำหรับสระที่มีความลึกมาก ควรใช้ main drain ขนาดใหญ่ขึ้น และติดตั้ง อย่างน้อย 2 จุด เชื่อมกันเพื่อลดแรงดูดเฉพาะจุด

2. Inlet / Return Jets (หัวจ่ายน้ำกลับ)

หน้าที่:
จ่ายน้ำที่ผ่านระบบกรองแล้วกลับเข้าสู่สระ ช่วยเพิ่มการไหลเวียน (circulation) ทำให้คลอรีนและสารเคมีในสระกระจายทั่วถึง ลดการเกิดจุดน้ำตาย (dead spot)

ข้อควรพิจารณาในการเลือก Inlet / Return Jets:

• เลือกหัวจ่ายที่สามารถ ปรับทิศทางน้ำได้ (adjustable eyeball) เพื่อควบคุมทิศทางการไหล ช่วยสร้างการหมุนเวียนรอบสระได้ดีกว่าแบบคงที่

• คำนวณจำนวนหัวจ่ายตาม flow rate ของปั๊ม เพื่อให้น้ำหมุนเวียนทั่วถึง ตัวอย่างเช่น ปั๊ม 15 m³/hr อาจใช้หัวจ่าย 3 หัว โดยแต่ละหัวรับ flow rate 5 m³/hr

• ขนาด nozzle opening มีผลต่อแรงดันน้ำ ยิ่งเล็กแรงดันยิ่งสูง แต่ flow rate จะลดลง

Tip: ติดตั้งหัวจ่ายในทิศทางเดียวกันรอบสระ เพื่อสร้างการหมุนวนของน้ำ (whirlpool effect) เพิ่มประสิทธิภาพการกรอง

3. Skimmer (ท่อน้ำล้น)

หน้าที่:
ดูดน้ำผิวบนสระเพื่อกำจัดเศษใบไม้ ฝุ่น แมลง หรือคราบไขมัน ก่อนน้ำจะเข้าสู่ระบบกรอง

ข้อควรพิจารณาในการเลือก Skimmer:

• เลือก skimmer ที่มี basket filter ในตัว เพื่อกรองสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ ป้องกันไม่ให้เข้าไปอุดตันในปั๊มและ sand filter

• ขนาด throat width (ปาก skimmer) ต้องเหมาะสมกับพื้นที่สระ ปกติสระบ้านพักอาศัยจะใช้ skimmer throat width 15-20 ซม.

• สำหรับสระ overflow อาจใช้ gutter drain แทน skimmer

Tip: ควรติดตั้ง skimmer ห่างจากหัวจ่ายน้ำกลับ เพื่อให้เศษฝุ่นถูกดันเข้าสู่ skimmer ได้ง่ายขึ้น

4. Vacuum Point (ช่องต่อเครื่องดูดตะกอน)

หน้าที่:

ใช้ต่อเครื่องดูดฝุ่นสระว่ายน้ำ (vacuum head) เพื่อดูดเศษฝุ่น เศษตะกอน ที่สะสมตามพื้นหรือผนังสระ

ข้อควรพิจารณาในการเลือก Vacuum Point:

• เลือก fittings vacuum ที่ติดตั้งง่าย แข็งแรง ทนแรงดูด ไม่แตกหักง่าย

• มี ฝาปิด vacuum cover ป้องกันอันตรายเมื่อไม่ใช้งาน โดยเฉพาะหากระบบใช้ร่วมกับ suction main drain

• ควรติดตั้งในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก ไม่ติดบันไดหรือทางเดินสระ

Tip: หากเป็นระบบ vacuum line แยกเฉพาะ ควรติดตั้ง ball valve เพื่อปิดเปิด flow ได้ตามต้องการ

5. Overflow และ Balancing Tank Connections

หน้าที่:
ในระบบ overflow pool น้ำส่วนเกินจากการใช้งานหรือคลื่นในสระจะไหลล้นเข้าราง overflow gutter และเข้าสู่ balancing tank ก่อนถูกสูบกลับเข้าสระ

ข้อควรพิจารณาในการเลือก fittings overflow และ balancing tank:

• เลือก fittings ที่สามารถรับ flow rate สูงสุดในช่วง peak load เช่น เวลาที่มีคนเล่นสระจำนวนมากพร้อมกัน

• ขนาดท่อ overflow ควรใหญ่พอที่จะระบายน้ำได้ทัน ป้องกันน้ำล้นขอบสระ

• วัสดุควรเป็น PVC-U หรือ stainless 316 เพื่อความทนทานต่อคลอรีน และอายุการใช้งานยาวนาน

Tip: ตรวจสอบว่า balancing tank มี vent pipe และ float sensor ติดตั้งครบถ้วน เพื่อควบคุมระดับน้ำอย่างแม่นยำ

---

วัสดุ fittings ที่เหมาะกับระบบกรองสระว่ายน้ำ

ABS หรือ PVC-U (Unplasticized PVC)

คุณสมบัติ:

• ทำจากพลาสติกโพลีเมอร์ที่มีความแข็งแรงสูง ทนแรงดันน้ำได้ดี

• น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ขนย้ายสะดวก

• ทนสารเคมี เช่น คลอรีน กรดเกลือ (HCl) และสารปรับ pH ที่ใช้ในระบบกรองสระว่ายน้ำ

• ไม่เกิดสนิมเหมือนโลหะ

• ทนรังสี UV ได้ในระดับหนึ่ง แต่หาก fittings อยู่ในตำแหน่งที่รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน ควรเลือกแบบที่มี UV Stabilizer หรือทาสีทับเพื่อยืดอายุการใช้งาน

ข้อดี:

• ราคาไม่สูง เหมาะสำหรับงานติดตั้งทั้งสระบ้านพักอาศัย (residential pool) และสระโรงแรม (commercial pool)

• การซ่อมบำรุงง่าย ใช้กาว PVC ทั่วไปติดตั้งหรือซ่อมได้รวดเร็ว

• หากเกิดรอยรั่วหรือแตกหัก สามารถเปลี่ยน fittings ได้โดยใช้เครื่องมือพื้นฐานเท่านั้น

ข้อควรระวัง:

• ไม่ควรใช้กับน้ำร้อนเกิน 50°C เพราะอาจทำให้ fittings บิดงอหรือเสียรูปได้

สแตนเลส 316 (Stainless Steel 316)

คุณสมบัติ:

• เป็นโลหะผสมที่มีส่วนประกอบของ โครเมียม (Cr) นิกเกิล (Ni) และโมลิบดีนัม (Mo) ทำให้ทนทานต่อการกัดกร่อนจากคลอรีนและสารเคมีในสระว่ายน้ำได้ดีกว่า สแตนเลส 304

• ผิวมันเงา แข็งแรง รับแรงดันสูง เหมาะสำหรับระบบกรองแรงดันสูงหรือสระขนาดใหญ่

ข้อดี:

• อายุการใช้งานยาวนาน 10-20 ปี ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษา

• ทนแรงดันและอุณหภูมิสูงได้ดี เหมาะสำหรับงานสระน้ำร้อน (spa, onsen)

• ใช้ได้ดีในสระเกลือ (salt chlorinator) เพราะทนการกัดกร่อนจากเกลือและคลอรีนผสมได้ดีกว่าวัสดุโลหะทั่วไป

ข้อควรระวัง:

• ราคาสูงกว่า PVC-U และ ABS หลายเท่า

• หากเกิดรอยขีดข่วนลึก อาจเกิดสนิมเฉพาะจุดได้ จึงต้องตรวจสอบและดูแลพื้นผิวอย่างสม่ำเสมอ

เหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Iron)

ข้อควรหลีกเลี่ยง:

• เหล็กชุบสังกะสีจะถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสกับน้ำคลอรีน หรือเกลือในระบบ salt chlorinator

• เกิดสนิม ทำให้เกิดคราบสีน้ำตาลและอาจปนเปื้อนน้ำในสระ

• อายุการใช้งานสั้น และหากเกิดสนิมรั่วซึม จะทำให้ระบบน้ำมีค่าเหล็กสูง (iron content) ก่อให้เกิดปัญหาตะไคร่น้ำและคราบน้ำตาลเกาะผนังสระ

Tip: การเลือกวัสดุ วิธีเลือก Fittings ให้คุ้มค่าและปลอดภัย

1. หากเป็น สระบ้านพักอาศัย (Residential Pool) หรือสระโรงแรมทั่วไป แนะนำ PVC-U หรือ ABS เพราะราคาประหยัด ติดตั้งง่าย และมีอายุการใช้งานยาวนานเพียงพอ

2. หากเป็น สระ commercial ขนาดใหญ่, สระเกลือ, หรือ spa ที่มีอุณหภูมิสูง ให้เลือก สแตนเลส 316 เพื่อลดการกัดกร่อนและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระยะยาว

3. หลีกเลี่ยง fittings ที่เป็นโลหะราคาถูก เช่น galvanized steel แม้ราคาจะต่ำแต่จะสร้างปัญหาใหญ่ภายหลัง

 

 

 

 

หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญในการสร้างสระว่ายน้ำที่มีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ เราพร้อมให้คำแนะนำและบริการครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ไปจนถึงการดูแลรักษาสระ เพื่อให้คุณได้สระว่ายน้ำที่สมบูรณ์แบบและใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ติดต่อเราวันนี้เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!

บริษัท เวิลด์พูลส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

• 261/5 ถ.มหิดล ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
• 053-204 446-7
• 095-6815757
• Line id :  @worldpools
• FaceBook Page : World Pools สร้างสระว่ายน้ำ เชียงใหม่ อุปกรณ์สระ สระว่ายน้ำ ซ่อมสระ ดูแลสระ
• worldpoolscnx@gmail.com